SET Announcements
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 47
ที่ กผ.061 /2547
วันที่ 14 พฤษภาคม 2547
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ปี 2547
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ปี 2547
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
1.1 รายได้
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
บริษัทมีรายได้ค่าบริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 ทั้งสิ้น 241.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.52 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 6.41 เทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2546 โดยปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการ
ของบริษัทฯได้แก่ปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับในไตร
มาสที่ 1 ปี 2547 บริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเท่ากับ 981.40 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 48.64 ล้านลิตร
หรือร้อยละ 5.21 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างสูง แสดงให้เห็น
ถึงการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว ที่มีแนวโน้ม
การเจริญเติบโตที่ดีขึ้นอีกครั้งหลังจากประสบภาวะวิกฤติจากการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปีก่อน
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน
เงินตราต่างประเทศ เนื่องจากรายได้ค่าบริการของบริษัทฯกำหนดเป็นอัตราที่อ้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์
สหรัฐ โดยค่าเงินบาทเฉลี่ย แข็งค่าขึ้นจาก 42.73 บาทต่อดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2546 เป็นประมาณ
39.31 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 คิดเป็นอัตราการแข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 8.02 ซึ่งเมื่อรวมกับ
ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในอัตราร้อยละ 5.21 และการปรับอัตราค่า
บริการขึ้นร้อยละ 10 ในเดือนพฤศจิกายน 2546 ทำให้รายได้ค่าบริการของบริษัทฯในไตรมาสที่ 1 ปี
2547 เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6.41
1.1.2 รายได้ค่าเช่า
บริษัทฯมีรายได้ค่าเช่าในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 ทั้งสิ้น 13.63 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ค่า
เช่าอาคารสำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) จำนวน
13.29 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย
จำกัด (THAPPLINE) จำนวน 0.34 ล้านบาท โดยรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
2.33 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.65 ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าระบบรับน้ำมัน
ทางท่อจาก FPT จำนวน 2.21 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯกำหนดค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อนี้ในอัตราร้อยละ
28 ของรายได้ค่าขนส่งน้ำมัน JET A-1 ของ FPT และรายได้ค่าบริการขนส่งน้ำมันของ FPT ในไตรมาส
ที่ 1 ปี 2547 เพิ่มสูงขึ้นจากอัตราค่าบริการที่ปรับเพิ่มขึ้น
1.1.3 รายได้อื่น
สำหรับรายได้อื่นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 มียอดทั้งสิ้น 8.97 ล้านบาท ประกอบ
ด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT จำนวน 1.24 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจากเงินลงทุน
ระยะสั้นจำนวนประมาณ 0.41 ล้านบาท เงินต้นที่ได้รับชำระจาก FPT ตามตารางการจ่ายชำระหนี้ใน
สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งที่ 3 จำนวน 1.61 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับชำระก่อนกำหนดจำนวน
4.33 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการบันทึกหนี้สินระยะยาวในส่วนที่
เป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์ของ TARCO จำนวน 0.54 ล้านบาท
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2547 บริษัทฯมีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 85.06 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยราย
การสำคัญๆ ดังนี้ ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ("ทอท.") จำนวน
18.23 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดิน 4.78 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ จำนวน 5.46 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันภัย
ประเภท All Risks Insurance จำนวน 2.61 ล้านบาท และ Third Party Legal Liability Insurance จำนวน
3.63 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา จำนวน 17.09 ล้านบาทและเงินเดือนพนักงานจำนวน 17.51 ล้านบาท
ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 2.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.49 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย
สาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการให้บริการมาจากการปรับเพิ่มขึ้นค่าเช่าท่อส่งน้ำมันที่บริษัทฯ
เช่าจาก ทอท. ประมาณ 2.30 ล้านบาท ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของ CPI
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 จำนวน 32.53 ล้านบาท ประกอบด้วย
รายการสำคัญๆ ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 10.04 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 2.52 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จำนวน 2.32 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน
1.74 ล้านบาทและดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 2.30 ล้านบาทโดยค่าใช้จ่ายในการบริหาร
เพิ่มขึ้น 6.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.22 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงิน
เดือนพนักงานจำนวน 1.84 ล้านบาทและดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 4.04 ล้านบาท
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2547 คิดเป็นจำนวน 107.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.81 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 4.69 จากช่วงเดียวกันของปี 2546 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 102.53 ล้านบาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆดังที่ได้กล่าว
มาแล้วข้างต้น และมีกำไรต่อหุ้นๆละ 0.32 บาท
2. รายงานและการวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 3,538.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
21.73 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.62 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปี 2546 โดยสินทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2547
ประกอบด้วยรายการสำคัญๆดังนี้
2.1.1 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นลดลงจาก 438.24
ล้านบาท ในปี 2546 เป็น 433.18 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 หรือลดลง 5.06 ล้านบาท โดยมีราย
ละเอียดการได้มาและใช้ไปของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นที่สำคัญดังนี้
เงินสดจากการดำเนินงาน 194.53 ล้านบาท
เงินลงทุนในโครงการคลังน้ำมัน (66.15) ล้านบาท
เงินสดจ่ายล่วงหน้าค่าก่อสร้างคลังน้ำมัน (22.66) ล้านบาท
เงินลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันฯของ TARCO (14.34) ล้านบาท
เงินสดจ่ายตามสัญญาซื้อสิทธิเรียกร้อง (17.30) ล้านบาท
เงินกู้ยืมระยะสั้น (958.00) ล้านบาท
เงินกู้ยืมระยะยาว 799.45 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยใน JP-One 75.00 ล้านบาท
โดยการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยใน บริษัท เจพี - วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One)
ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 จำนวน 75 ล้านบาทนั้น เป็นการเรียกชำระค่า
หุ้นเพิ่มทุนของ JP-One ในสัดส่วนร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท เป็นจำนวนเงิน 150
ล้านบาท ในวันที่ 22 มีนาคม 2547 โดยเป็นส่วนของบริษัทฯ 75 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วน
น้อย 75 ล้านบาท ซึ่งนำมารวมเป็นสินทรัพย์ของบริษัทฯในการทำงบการเงินรวม
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 มีจำนวน
2,004.86 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน
1,226.36 ล้านบาท และเป็นงานระหว่างก่อสร้างของ TARCO จำนวน 778.45 ล้านบาท
2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุน
เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 756.01 ล้าน
บาท และตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้
บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 1,598.72 ล้านบาท ลดลง 160.33
ล้านบาท หรือร้อยละ 9.11 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2546 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 0.82 ต่อ 1 เท่า โดย
แบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 หนี้สินภายใต้สัญญาซื้อสิทธิเรียกร้องที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 69.19 ล้าน
บาท เนื่องจากในปี 2544 บริษัทฯ มีการบันทึกสำรองค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจากการค้ำประกัน FPT จำนวน
415.11 ล้านบาทเป็นหนี้สินของบริษัทฯ ซึ่งต่อมาในปี 2545 บริษัทฯได้ปลดภาระค้ำประกันดังกล่าวโดย
การซื้อสิทธิเรียกร้องจากเจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 ของ FPT และรับภาระหนี้แทนทั้งจำนวน โดยบันทึกเป็นหนี้
สินของบริษัทฯภายใต้ชื่อบัญชี "ภาระหนี้สินภายใต้สัญญาซื้อสิทธิเรียกร้อง" โดยบริษัทฯได้ชำระเงิน
งวดแรกให้แก่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 2 ไปเป็นจำนวน 207.55 ล้านบาทในวันที่ทำสัญญา และส่วนที่เหลือจำนวน
207.55 ล้านบาทนั้น บริษัทฯต้องผ่อนชำระทุกไตรมาสๆละ 17.30 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 12 ไตรมาส
เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2545 ถึงเดือนมีนาคม 2548
2.2.2 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 227.83 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษี
เงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 57.90 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 152.56 ล้านบาท
2.2.3 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 1,241.61 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะยาว
จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3-Month THBFIX + 0.90% ระยะเวลา
ปลอดหนี้ 3 ปี จำนวน 800 ล้านบาท และเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO เพื่อใช้ในการลงทุนสร้าง
Hydrant จำนวน 441.61 ล้านบาท
นอกจากภาระหนี้สินดังกล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทฯยังมีเงินกู้โครงการ (Project Finance)
จำนวน 2,000 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.25% ระยะเวลาปลอด
หนี้ 3 ปี เพื่อใช้ลงทุนในโครงการคลังน้ำมันและโครงการเติมน้ำมันอากาศยาน ซึ่งได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับ
ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ไปเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2547 และคาดว่าจะเริ่มเบิกถอนเงินกู้ในเดือนพฤษภาคม
2547
เมื่อบริษัทฯกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินครบจำนวนแล้ว จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ
บริษัทฯเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีนโยบายที่จะดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าวไม่ให้เกิน 2 ต่อ 1 เท่า
เพื่อรักษาความมั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทฯ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังการเปิด
ให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2547 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 1,939.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546
จำนวน 182.06 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำไรจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2547
จำนวน 107.34 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัทย่อย คือบริษัท เจพี - วัน แอสเซ็ท จำกัด
จำนวน 75 ล้านบาท
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทฯมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าจากการเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับ TARCO ในวงเงิน
สินเชื่อ 700 ล้านบาท และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO เกิดภาวะการมีเงินไม่เพียง
พอที่จะชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยต่อผู้ให้สินเชื่อ และบริษัทฯจะมีภาระทางการเงินในจำนวนเงินที่ผู้ให้สินเชื่อ
เห็นว่าเพียงพอที่จะแก้ไขภาวะการมีเงินไม่เพียงพอของ TARCO
TARCO มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2547 จำนวน 0.77 ล้านบาท เนื่องจาก TARCO ยังไม่เริ่ม
เปิดให้บริการ จึงยังไม่มีรายได้จากการดำเนินงาน มีเพียงกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 0.54 ล้านบาท และค่าใช้จ่าย
ในการบริหารจำนวน 1.32 ล้านบาท ทำให้ TARCO มีผลขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ ไตรมาสที่ 1 ปี 2547 เป็น
จำนวน 16.63 ล้านบาท โดย ณ 31 มีนาคม 2547 TARCO มีภาระหนี้สินสกุลเงินบาทจำนวน 327 ล้านบาทและหนี้
สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 2.898 ล้านเหรียญ ปัจจุบัน TARCO มีทุนจดทะเบียน 530 ล้านบาท และทุน
เรียกชำระแล้ว 410 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเรียกชำระในเดือนธันวาคม 2546 จำนวน 55.50 ล้านบาท โดยเป็นการ
เรียกชำระจากบริษัทฯทั้งจำนวน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทฯเข้าซื้อหุ้นเพิ่มสัดส่วนการลง
ทุนใน TARCO เป็นร้อยละ 90 แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ