SET Announcements
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับไตรมาส 3/2548
ที่ กผ. 139/2548
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2548
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2548
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2548
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
1.1 รายได้
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
บริษัทมีรายได้ค่าบริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ทั้งสิ้น 292.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.86 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 13.95 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2547 เนื่องจากบริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการ
เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา โดยปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 มี
ปริมาณเท่ากับ 1,021.42 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 33.75 ล้านลิตร หรือร้อยละ 3.42 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่
ให้บริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2547 ในขณะที่ค่าเงินบาทเฉลี่ย แข็งค่าขึ้นจาก 41.46 บาทต่อดอลลาร์ ใน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2547 เป็นประมาณ 41.32 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 คิดเป็นอัตราการแข็ง
ค่าขึ้นร้อยละ 0.32 ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อรายได้ของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้ปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 2.34 เซนต์ต่อแกลลอน เป็น 2.58
เซนต์ต่อแกลลอนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2547 คิดเป็นอัตราการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทำให้อัตราค่า
บริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2547 อยู่ร้อยละ 10 ดังนั้นเมื่อรวมกับการที่
บริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.42 และการแข็งค่าของเงินบาทที่ร้อยละ 0.32 ทำให้
รายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.95
1.1.2 รายได้ค่าเช่า
บริษัทฯมีรายได้ค่าเช่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ทั้งสิ้น 10.74 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย
ค่าเช่าอาคารสำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) จำนวน
10.33 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย
จำกัด (THAPPLINE) จำนวน 0.41 ล้านบาท โดยรายได้ค่าเช่าลดลงจากปีที่ผ่านมา 4.39 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 29.02 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลดลงของค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อจาก FPT จำนวน
4.53 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯปรับลดอัตราค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อลงจากร้อยละ 28 เหลือร้อยละ
21.5 ของรายได้ค่าขนส่งน้ำมัน JET A-1 ของ FPT ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2548 จากการที่บริษัทฯลดจำนวน
ถังที่ให้เช่าจาก 3 ถัง เหลือ 2 ถัง เพื่อย้ายไปติดตั้งใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับน้ำมันทางท่อให้ บริษัท
เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) เช่าใช้งานที่คลังน้ำมันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
1.1.3 รายได้อื่น
สำหรับรายได้อื่นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 มียอดทั้งสิ้น 10.36 ล้านบาท ประกอบ
ด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT จำนวน 1.18 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจากเงินลงทุน
ระยะสั้นจำนวนประมาณ 0.72 ล้านบาท เงินต้นที่ได้รับชำระจาก FPT ตามตารางการจ่ายชำระหนี้ใน
สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งที่ 3 และเงินต้นที่ได้รับชำระก่อนกำหนดจำนวน 4.90 ล้านบาท ซึ่งเงินต้น
ที่บริษัทฯให้กู้ยืมแก่ FPT จำนวนนี้ บริษัทฯได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในปี 2545
ดังนั้นเงินต้นที่ได้รับชำระคืนทั้งหมดจะบันทึกเป็นรายได้อื่น และค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก บริษัท
ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) จำนวน 1.92 ล้านบาท
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
ไตรมาสที่ 3 ปี 2548 บริษัทฯมีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 82.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.38 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 4.27 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2547 โดยต้นทุนการให้บริการประกอบด้วยรายการสำคัญๆ
ได้แก่ ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอดของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (?ทอท.?) จำนวน
18.69 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดิน 4.65 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ จำนวน 4.52 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันภัย
ประเภท All Risks Insurance จำนวน 2.23 ล้านบาท และ Third Party Legal Liability Insurance
จำนวน 4.04 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา จำนวน 15.09 ล้านบาท เงินเดือนพนักงานจำนวน 18.68 ล้านบาท และ
ค่าล่วงเวลาจำนวน 2.31 ล้านบาท
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 จำนวน 38.61 ล้านบาท ประกอบด้วย
รายการสำคัญๆ ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 13.30 ล้านบาท ค่าภาษีโรงเรือนจำนวน 5.38 ล้านบาท
ค่าเสื่อมราคา 3.69 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จำนวน 2 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 18.26 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.11 จากปีที่ผ่านมา เนื่องจาก
รายการสำคัญๆ ได้แก่ การลดลงของเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานจำนวน 20.67 ล้านบาท และการ
เพิ่มขึ้นของค่าภาษีโรงเรือนจำนวน 5.38 ล้านบาท ซึ่งเลื่อนจากเดือนพฤษภาคมมาจ่ายในเดือนกรกฎาคม
1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย
บริษัทฯมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 จำนวน 9.38 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ยจ่ายจาก
เงินกู้ยืมระยะยาว 800 ล้านบาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งจำนวน
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 คิดเป็นจำนวน 138.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.25 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 31.52 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2547 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 105.47 ล้านบาท (ตามงบการเงินฉบับปรับปรุง ซึ่งมี
การตั้งสำรองเผื่อผลประโยชน์เมื่อออกจากงานเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2547 ลดลงจำนวน 4.75 ล้าน
บาท) เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และมีกำไรต่อหุ้นๆละ 0.33 บาท
จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯสำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 บริษัทฯมีกำไร
สุทธิทั้งสิ้น 346.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.41 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมี
กำไรต่อหุ้นๆละ 0.91 บาท
2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 6,333.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
182.05 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.96 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2548 โดยสินทรัพย์ที่สำคัญ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3
ปี 2548 ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้
2.1.1 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงจาก 314.20 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส
ที่ 2 ปี 2548 เป็น 278.01 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 หรือลดลง 36.19 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
การได้มาและใช้ไปของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นที่สำคัญดังนี้
- บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 142.26 ล้านบาท
เนื่องมาจากรายการสำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2548 จำนวน 138.71 ล้านบาท
ค่าเสื่อมราคา 19.47 ล้านบาท รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน 4.90 ล้านบาท
สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานลดลง 2.52 ล้านบาท ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง
7.89 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง 20.70 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้าลดลง 6.18 ล้านบาทและหนี้
สินหมุนเวียนอื่นลดลง 14.28 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯ และ
บริษัทย่อย
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 503 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินลงทุน
ในโครงการคลังน้ำมัน และโครงการเติมน้ำมันอากาศยานตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆของบริษัทฯ จำนวน
316.91 ล้านบาท เงินลงทุนในโครงการระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานใต้ลานจอดของ TARCO จำนวน
205.35 ล้านบาท เงินลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ? สุวรรณภูมิของ JP-One จำนวน
106.64 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนในโครงการบางส่วนจากเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 120 ล้านบาท
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 324.57 ล้านบาท โดยบริษัทฯและบริษัทใน
เครือมีเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 430.77 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมของบริษัทฯเพื่อใช้ในการลงทุน
โครงการคลังน้ำมันและโครงการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน จำนวน 234 ล้านบาท ในขณะที่
TARCO มีเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 196.77 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกเงินกู้ในส่วนของเงินเหรียญสหรัฐ
จำนวน 0.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินบาท 178 ล้านบาท นอกจากนี้ เป็นรายการจ่ายเงินสดปันผลไป
เป็นจำนวน 106.25 ล้านบาท
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2548 มีจำนวน
4,931.91 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน
2,889.21 ล้านบาท และเป็นงานระหว่างก่อสร้างและอุปกรณ์ของ TARCO จำนวน 1,431.42 ล้านบาท
และ JP-One จำนวน 611.19 ล้านบาท
2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุน
เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้าน
บาท และตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้
บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 3,967.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
149.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.92 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2548 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ
1.68 ต่อ 1 เท่า โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 หนี้สินหมุนเวียนจำนวน 290.70 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ เจ้าหนี้
การค้า 38.19 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 183.84 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของ
บริษัทฯและบริษัทย่อยเป็นส่วนใหญ่
2.2.2 เงินประกันผลงานจำนวน 327.22 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินประกันผลงานของบริษัทฯ
จำนวน 183.45 ล้านบาท TARCO จำนวน 99.54 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 44.25 ล้านบาท
2.2.3 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,245.91 ล้านบาท ประกอบด้วย
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 800 ล้านบาท อายุ 7 ปี นับ
จากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดหนี้ 3 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,602 ล้านบาท จากวงเงินกู้
รวม 2,000 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน +
1.25% ระยะเวลาปลอดหนี้ 3 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO เพื่อใช้ในการลงทุนสร้างท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอด จำนวน
843.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 8 ล้านเหรียญ
สหรัฐ อัตราดอกเบี้ย Libor + 1.75% และ 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75%
อายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2545 ระยะเวลาปลอดหนี้ 5 ปี
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,365.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2
ปี 2548 จำนวน 32.39 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำไรจากผลการดำเนินงานจำนวน 138.71 ล้านบาท และจ่าย
เงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2548 ทั้งสิ้น 106.25 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายน 2548
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทฯมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 700
ล้านบาท และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้อง
บังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจน
ถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิดชดใช้
ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ
TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 จำนวน 0.36 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกำไรจากอัตรา
แลกเปลี่ยนจำนวน 1.80 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 1.44 ล้านบาท ทำให้ TARCO มีผล
ขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2548 เป็นจำนวน 36.61 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2548 TARCO มี
ภาระหนี้สินสกุลเงินบาทจำนวน 580 ล้านบาทและหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 6.42 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบัน TARCO มีทุนจดทะเบียนและทุนเรียกชำระแล้ว 530 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีเงินลงทุนใน JP-One ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 เป็นจำนวนเงินทั้ง
สิ้น 300 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 JP-One มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 0.25 ล้านบาท โดยมีดอก
เบี้ยรับ 0.80 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 1.05 ล้านบาท ทำให้ JP-One มีขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ
30 กันยายน 2548 จำนวน 6.70 ล้านบาท โดย ณ 30 กันยายน 2548 JP-One มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระ
แล้ว 600 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ