บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ประจำปี 2548

ที่ กผ. 030/2549 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2548 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2548 1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน 1.1 รายได้ 1.1.1 รายได้ค่าบริการ บริษัทมีรายได้ค่าบริการในปี 2548 ทั้งสิ้น 1,139.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.71 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 12.18 เทียบกับปี 2547 โดยปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ ปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับในปี 2548 บริษัทฯมีปริมาณ น้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในปี 2548 มีปริมาณเท่ากับ 4,070.40 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 111.11 ล้านลิตร หรือร้อยละ 2.81 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในปี 2547 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตตามภาวะธุรกิจการบินโดยทั่วไป แต่ต่ำกว่าอัตราการเติบโตที่บริษัทฯคาด ไว้ที่ร้อยละ 3 เล็กน้อย แม้ว่าในครึ่งหลังของปีปริมาณการเติมน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าครึ่งแรก คือร้อยละ 3.72 ปัจจัยสำคัญอีกประการที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศ เนื่องจากรายได้ค่าบริการของบริษัทฯกำหนดเป็นอัตราที่อ้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์ สหรัฐ โดยค่าเงินบาทเฉลี่ย อ่อนค่าลงเล็กน้อยจาก 40.27 บาทต่อดอลลาร์ ในปี 2547 เป็นประมาณ 40.36 บาทต่อดอลลาร์ในปี 2548 คิดเป็นอัตราการอ่อนค่าลงร้อยละ 0.21 ซึ่งส่งผลกระทบทางบวกต่อ รายได้ของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้ปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 2.34 เซนต์ต่อแกลลอน เป็น 2.58 เซนต์ต่อแกลลอนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2547 คิดเป็นอัตราการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทำให้โดยเฉลี่ย แล้วอัตราค่าบริการในปี 2548 สูงกว่าปี 2547 อยู่ประมาณร้อยละ 8.4 ดังนั้นเมื่อรวมกับการที่บริษัทฯมี ปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.81 และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงร้อยละ 0.21 ทำให้รายได้ค่า บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.18 1.1.2 รายได้ค่าเช่า บริษัทฯมีรายได้ค่าเช่าในปี 2548 ทั้งสิ้น 43.94 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าเช่าอาคาร สำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) จำนวน 42.36 ล้าน บาท และรายได้จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) จำนวน 1.58 ล้านบาท โดยรายได้ค่าเช่าลดลงจากปีที่ผ่านมา 12.88 ล้านบาท คิดเป็นร้อย ละ 22.67 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลดลงของค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อจาก FPT จำนวน 13.27 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯปรับลดอัตราค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อลงจากร้อยละ 28 เหลือร้อยละ 21.5 ของราย ได้ค่าขนส่งน้ำมัน JET A-1 ของ FPT ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2548 จากการที่บริษัทฯลดจำนวนถังที่ให้เช่า จาก 3 ถัง เหลือ 2 ถัง เพื่อย้ายไปติดตั้งใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับน้ำมันทางท่อให้ บริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) เช่าใช้งานที่คลังน้ำมันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจาก การที่ปริมาณน้ำมันผ่านท่อ FPT ลดลงจากปีที่ผ่านมาในอัตราร้อยละ 14.59 1.1.3 รายได้อื่น สำหรับรายได้อื่นของบริษัทฯ ในปี 2548 มียอดทั้งสิ้น 37.18 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการ สำคัญๆ ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT จำนวน 4.70 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจากเงินลงทุนระยะสั้น จำนวนประมาณ 3.09 ล้านบาท เงินต้นที่ได้รับชำระจาก FPT ตามตารางการจ่ายชำระหนี้ในสัญญาปรับ โครงสร้างหนี้ครั้งที่ 3 และเงินต้นที่ได้รับชำระก่อนกำหนดทั้งสิ้นจำนวน 15.41 ล้านบาท ซึ่งเงินให้กู้ยืม และลูกหนี้ระยะยาวบริษัทที่เกี่ยวข้องกันนี้ บริษัทฯได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในปี 2545 ดังนั้นเงินต้นที่ได้รับชำระคืนทั้งหมดจะบันทึกเป็นรายได้อื่น นอกจากนี้เป็นรายการค่าธรรมเนียม ค้ำประกันจาก บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของยอดสินเชื่อค้าง ชำระ ในช่วงแต่ละไตรมาสเป็นจำนวน 7.17 ล้านบาท 1.2 ค่าใช้จ่าย 1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ ปี 2548 บริษัทฯมีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 385.04 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายการ สำคัญๆ ดังนี้ ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (?ทอท.?) จำนวน 66.63 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดิน 18.60 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ จำนวน 20.71 ล้านบาท ค่าเบี้ยประกันภัย ประเภท All Risks Insurance จำนวน 8.71 ล้านบาท และ Third Party Legal Liability Insurance จำนวน 16.14 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา จำนวน 60.48 ล้านบาท เงินเดือนพนักงานและค่าตอบแทน พิเศษประจำปี จำนวน 106.05 ล้านบาท และนอกจากนี้ยังมีการบันทึกสำรองเพื่อผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของ พนักงานเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับปี 2548 จำนวน 20.72 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯรับประกันจ่ายเงินชดเชย ส่วนต่างให้แก่พนักงานที่เข้างานก่อน วันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ในกรณีที่เงินได้ครั้งเดียวเมื่อออกจากงาน ที่พนักงานได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่ำกว่าที่พนักงานควรได้รับ ตามระเบียบสวัสดิการผล ประโยชน์เมื่อออกจากงานของบริษัทฯ ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้พนักงานสมัครเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพราะ มีผลให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯลดลงในระยะยาว ซึ่งการบันทึกสำรองเพื่อตัดเป็นค่าใช้จ่ายนี้จะทำให้ผล ประกอบการของบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบ หากมีพนักงานลาออกในอนาคต แต่สำหรับพนักงานที่เข้า งานหลังวันดังกล่าวบริษัทฯไม่มีภาระรับประกันแต่อย่างใดเพราะบริษัทฯได้ยกเลิกระเบียบสวัสดิการ ผลประโยชน์เมื่อออกจากงานไปแล้ว ต้นทุนการให้บริการลดลง 3.57 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.92 จากปี 2547 โดยสาเหตุหลักของ การลดลงของต้นทุนการให้บริการมาจากการลดลงของค่าเช่าท่อส่งน้ำมันที่บริษัทฯเช่าจาก ทอท. ประมาณ 14.79 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯได้รับคืนค่าเช่าท่อส่งน้ำมันสำหรับท่อส่วนต่อขยายที่ ทอท.เรียกเก็บย้อนหลังในปี 2547 เป็นจำนวน 8.72 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯบันทึกรายการค่าเช่าท่อในปี 2548 ลดลงจากรายการรับคืนดังกล่าวและการลดลงของค่าเสื่อมราคาเป็นจำนวน 6.24 ล้านบาท ในขณะ ที่ต้นทุนการให้บริการที่สำคัญบางรายการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ได้แก่ เงินเดือนและค่าตอบแทนพิเศษประ จำปี เพิ่มขึ้น 8.92 ล้านบาท ค่าน้ำมันรถเพิ่มขึ้น 2.37 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์เพิ่มขึ้นจำนวน 1.58 ล้านบาท และสำรองเพื่อผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงานเพิ่มขึ้น 1.87 ล้านบาท 1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 2548 จำนวน 220.39 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการ สำคัญๆ ได้แก่ เงินเดือนพนักงานและค่าตอบแทนพิเศษประจำปีจำนวน 73.72 ล้านบาท เงินผล ประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงานจำนวน 9.04 ล้านบาท และค่าเสื่อมราคา 14.44 ล้านบาท และค่า ใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จำนวน 9.98 ล้านบาท นอกจากนี้ เป็นรายการค่าใช้จ่ายในการ บริหารของ TARCO ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 7.43 ล้านบาท และขาดทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 12.14 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารของ JP-One จำนวน 5.30 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 22.65 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.45 จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากราย การสำคัญๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ได้แก่ เงินเดือนและค่าตอบแทนพิเศษประ จำปี จำนวน 11.08 ล้านบาท ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์จำนวน 1.51 ล้านบาท ค่าธรรมเนียนจากการ บริหารความเสี่ยง 0.68 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของค่าบริการยามรักษาความปลอดภัยจำนวน 0.97 ล้าน บาท และค่าเสื่อมราคาจำนวน 1.99 ล้านบาท ในขณะที่เงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงาน ลดลงจำนวน 13.90 ล้านบาท สำหรับ TARCO มีรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน คิดเป็นจำนวน 14.34 ล้านบาท 1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย บริษัทฯมีดอกเบี้ยจ่าย ปี 2548 จำนวน 38.01 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆคือ ดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาว 800 ล้านบาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 37.20 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ เป็นจำนวนเงิน 0.81 ล้านบาท 1.3 สรุปผลการดำเนินงาน กำไรสุทธิ สำหรับปี 2548 คิดเป็นจำนวน 417.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.88 จากปี 2547 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 363.50 ล้านบาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และมีกำไร ต่อหุ้นประมาณหุ้นละ 1.06 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา มี มติให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดหกเดือนหลังของปี 2548 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.37 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 157.25 ล้านบาท โดยให้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2549 หลังจากที่ได้มีการจ่ายเงินปัน ผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.25 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ ปี 2548 ทั้งสิ้น 0.62 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 263.50 ล้านบาท คิดเป็นการจ่ายปันผลในอัตราร้อยละ 63.10 ของกำไรสุทธิ 2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 2.1 สินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 6,649.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,077.92 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.45 เมื่อเทียบกับปี 2547 โดยสินทรัพย์ที่สำคัญในปี 2548 ประกอบด้วยรายการ สำคัญๆ ดังนี้ 2.1.1 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นลดลงจาก 414.99 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 351.06 ล้านบาท ในปี 2548 หรือลดลง 63.93 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการ ได้มาและใช้ไปของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นที่สำคัญดังนี้ - บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 488.77 ล้านบาท เนื่องมาจากกำไรสุทธิประจำปี 2548 จำนวน 417.57 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้กระแสเงินสด เพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคา 76.44 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 26.79 ล้านบาท ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 12.14 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 13.81 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 15.41 ล้านบาทจากการรับชำระหนี้เงินต้นคืนจาก FPT ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาท สิน ทรัพย์หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 17.14 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าลดลง 10.92 ล้านบาท - กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 1,906.63 ล้านบาท โดยใช้เป็นเงินลงทุนใน โครงการคลังน้ำมัน และโครงการเติมน้ำมันอากาศยานจำนวน 989.34 ล้านบาท เงินลงทุนในโครงการ ระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานใต้ลานจอดของ TARCO จำนวน 531.04 ล้านบาท เงินลงทุนในโครงการ ท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ? สุวรรณภูมิของ JP-One จำนวน 387.46 ล้านบาท และจ่ายเงินสดตาม สัญญาซื้อสิทธิเรียกร้อง 17.30 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อยได้รับเงินสดจากการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ JP- One จำนวน 120 ล้านบาท และได้รับชำระหนี้เงินต้นคืนจาก FPTทำให้เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ระยะยาว บริษัทที่เกี่ยวข้องกันลดลง 15.41 ล้านบาท - กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 1,353.93 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีเงินกู้ยืม ระยะยาวจากธนาคารเพิ่มขึ้น 926 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการคลังน้ำมันและเติมน้ำมันอากาศ ยาน ในขณะที่ TARCO มีเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 516.70 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกเงินกู้ในส่วนของ เงินเหรียญสหรัฐจำนวน 3.70 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินบาทจำนวน 358 ล้านบาท และจ่ายเป็นเงินปัน ผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 140.25 ล้านบาท 2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ในปี 2548 มีจำนวน 5,272.01 ล้าน บาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน 3,064.15 ล้านบาท และเป็นงานระหว่างก่อสร้างของ TARCO จำนวน 1,544.50 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 663.18 ล้าน บาท 2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุน เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้าน บาท และตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้ บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ 2.2 หนี้สิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 4,213.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,683.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 66.55 เมื่อเทียบกับปี 2547 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.73 ต่อ 1 เท่า โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้ 2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 42.93 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน จำนวน 27.88 ล้านบาท ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ค่าผ่านท่อ (airport concession fee) ที่บริษัทฯเรียกเก็บจากลูกค้าผู้ ใช้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน เพื่อส่งมอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และเจ้าหนี้การ ค้าอื่นๆจำนวน 15.05 ล้านบาท 2.2.2 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 247.81 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษี เงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 52.41 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 156.18 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการ เจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯและบริษัทในเครือเป็นส่วนใหญ่ โดยหนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลงจากปีที่ ผ่านมา 21.47 ล้านบาท 2.2.3 เงินประกันผลงานจำนวน 354.87 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินประกันผลงานของบริษัทฯ จำนวน 196.01 ล้านบาท TARCO จำนวน 109.51 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 49.34 ล้านบาท 2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,441.93 ล้านบาท ประกอบด้วย - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 800 ล้านบาท อายุสัญญา 7 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,602 ล้านบาท จากวงเงินกู้ รวม 2,000 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.25% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี - เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO เพื่อใช้ในการลงทุนสร้าง Hydrant จำนวน 969.93 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ย Libor + 1.75% และ 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75% อายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2545 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 5 ปี - เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน-สุวรรณภูมิ จำนวน 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 120 ล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ย MLR ? 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำ สัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR ? 1% ระยะเวลาปลอดการชำระ เงินต้นถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2550 อายุสัญญาประมาณ 7 ปี เมื่อบริษัทฯกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินครบจำนวนแล้ว จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ บริษัทฯเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีนโยบายที่จะดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าวไม่ให้เกิน 2 ต่อ 1 เท่า เพื่อรักษาความมั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทฯ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังการเปิด ให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,436.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 จำนวน 394.16 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำไรจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯจำนวน 417.57 ล้าน และมี ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 116.84 ล้านบาท ในขณะที่มีการจ่ายเงินปันผลจากผล ประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2547 และครึ่งปีแรกของปี 2548 รวมจำนวน 140.25 ล้านบาท 3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต บริษัทฯมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 700 ล้านบาท และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้อง บังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจน ถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิดชดใช้ ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ TARCO มีผลขาดทุนสุทธิในปี 2548 จำนวน 19.19 ล้านบาท โดยมีรายได้จากดอกเบี้ยรับจำนวน 0.38 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 7.43 ล้านบาทและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 12.14 ล้าน บาท ทำให้ TARCO มีผลขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2548 เป็นจำนวน 39.75 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2548 TARCO มีภาระหนี้สินสกุลเงินบาทจำนวน 685 ล้านบาทและหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 6.92 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน TARCO มีทุนจดทะเบียนและทุนเรียกชำระแล้ว 530 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ตามสัด ส่วนการถือหุ้น ในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระ สำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาว 120 ล้านบาท โดยในปี 2548 JP-One มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 2.60 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ยรับ 2.70 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายใน การบริหารจำนวน 5.30 ล้านบาท ทำให้ JP-One มีขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 31 ธันวาคม 2548 จำนวน 7.61 ล้าน บาท โดย ณ 31 ธันวาคม 2548 JP-One มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล ) กรรมการผู้จัดการ