SET Announcements
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 1/49
ที่ กผ. 069/2549
วันที่ 10 พฤษภาคม 2549
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2549
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2549
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
1.1 รายได้
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
บริษัทมีรายได้ค่าบริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ทั้งสิ้น 295.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.86 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 10.43 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 โดยปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อรายได้
ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับ
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 บริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่ผ่านมา
โดยปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 มีปริมาณเท่ากับ 1,088.67 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 91.06
ล้านลิตร หรือร้อยละ 9.13 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2548
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน
เงินตราต่างประเทศ เนื่องจากรายได้ค่าบริการของบริษัทฯกำหนดเป็นอัตราที่อ้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์
สหรัฐ โดยค่าเงินบาทเฉลี่ย อ่อนค่าลงจาก 38.63 บาทต่อดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2548 เป็นประมาณ
39.04 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 คิดเป็นอัตราการอ่อนค่าลงร้อยละ 1.06 ซึ่งส่งผลกระทบ
ทางบวกต่อรายได้ของบริษัทฯ ดังนั้นเมื่อรวมกับการที่บริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 9.13 ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 1.06 ทำให้รายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.43
1.1.2 รายได้ค่าเช่า
บริษัทฯมีรายได้ค่าเช่าในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ทั้งสิ้น 10.03 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ค่า
เช่าอาคารสำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) จำนวน 9.61
ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด
(THAPPLINE) จำนวน 0.41 ล้านบาท โดยรายได้ค่าเช่าลดลงจากปีที่ผ่านมา 4.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อย
ละ 31.80 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลดลงของค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อจาก FPT จำนวน 4.71 ล้านบาท
ซึ่งค่าเช่าดังกล่าวคิดเป็นอัตราลอยตัวอ้างอิงจากรายได้ค่าขนส่งน้ำมัน JET A-1 ของ FPT สำหรับไตร
มาสที่ 1 ปี 2549 FPT มียอดรายได้จากการขนส่งน้ำมัน JET A-1 ลดลงจากไตรมาสที่ 1 ปี 2548 เนื่อง
จากมีปริมาณน้ำมันผ่านท่อลดลงจากไตรมาสที่ 1 ปีก่อนในอัตราประมาณร้อยละ 25.69
1.1.3 รายได้อื่น
สำหรับรายได้อื่นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 มียอดทั้งสิ้น 25.98 ล้านบาท ประกอบ
ด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT จำนวน 1.15 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจากเงินลงทุน
ระยะสั้นจำนวนประมาณ 1.26 ล้านบาท เงินต้นที่ได้รับชำระจาก FPT ตามตารางการจ่ายชำระหนี้ใน
สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งที่ 3 และเงินต้นที่ได้รับชำระก่อนกำหนดจำนวน 3.49 ล้านบาท ซึ่งเงินต้น
ที่บริษัทฯให้กู้ยืมแก่ FPT จำนวนนี้ บริษัทฯได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในปี 2545 ดัง
นั้นเงินต้นที่ได้รับชำระคืนทั้งหมดจะบันทึกเป็นรายได้อื่น และค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก TARCO
จำนวน 2.42 ล้านบาทและค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก JP-One จำนวน 0.10 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นราย
การกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการบันทึกหนี้สินระยะยาวในส่วนที่เป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์ของ
TARCO จำนวน 15.35 ล้านบาท
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2549 บริษัทฯมีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 101.15 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย
รายการสำคัญๆ ดังนี้ ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอดของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
(?ทอท.?) จำนวน 18.71 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดิน 4.59 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ จำนวน 5.30 ล้านบาท
ค่าเบี้ยประกันภัย ประเภท All Risks Insurance จำนวน 1.95 ล้านบาท และ Third Party Legal
Liability Insurance จำนวน 4.07 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา จำนวน 12.84 ล้านบาท เงินเดือน
พนักงานจำนวน 21.23 ล้านบาท และเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงาน จำนวน 12.45 ล้านบาท
ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 15.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.04 จากไตรมาสที่ 1 ปี 2548 โดย
สาเหตุที่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นมาก เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอด
จำนวน 8.18 ล้านบาท หลังจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2548 บริษัทฯได้รับค่าเช่าท่อส่งน้ำมันสำหรับท่อส่วน
ต่อขยายคืน ทำให้ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันที่บริษัทฯเช่าจาก ทอท. สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2548 ต่ำกว่าอัตรา
ปกติ นอกจากนี้ บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายสำคัญๆที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 2.46 ล้านบาท เงิน
ผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงาน จำนวน 5.15 ล้านบาท ค่าน้ำมันรถจำนวน 1.07 ล้านบาท
และค่าสาธารณูปโภคจำนวน 1.18 ล้านบาท
นอกจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นข้างต้นแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายบางรายการที่ลดลง ได้แก่ ค่าเสื่อมราคา
ลดลง 2.55 ล้านบาท
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 จำนวน 48.12 ล้านบาท ประกอบด้วย
รายการสำคัญๆ ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 14.91 ล้านบาท เงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของ
พนักงานจำนวน 5.76 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 3.55 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
อุปกรณ์จำนวน 4.34 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 6.65 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.03 จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากราย
การสำคัญๆ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเงินเดือนพนักงานจำนวน 1.90 ล้านบาท เงินผลประโยชน์เมื่อออก
จากงานจำนวน 3.71 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จำนวน 1.38 ล้านบาท
1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย
บริษัทฯมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2549 จำนวน 9.38 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ยจ่ายจาก
เงินกู้ยืมระยะยาว 800 ล้านบาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 9.17 ล้านบาทและดอก
เบี้ยจ่ายจากสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 0.20 ล้านบาท
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2549 คิดเป็นจำนวน 127.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.93 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 9.42 จากไตรมาสที่ 1 ปี 2548 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 116.08 ล้านบาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และมีกำไรต่อหุ้นๆละ 0.30 บาท
2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 6,814.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
1,285.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.26 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2548 โดยสินทรัพย์ที่สำคัญ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี
2549 ประกอบด้วยรายการสำคัญๆดังนี้
2.1.1 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นจาก 270.06 ล้าน
บาท ณ สิ้นปี 2548 เป็น 303.19 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 หรือเพิ่มขึ้น 33.14 ล้านบาท โดยมีราย
ละเอียดการได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้
- บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 196.16 ล้านบาท
เนื่องมาจากรายการสำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2549 จำนวน 127.01 ล้านบาท ปรับ
ด้วยรายการที่ทำให้กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคา 16.64 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์
พนักงานเพิ่มขึ้น 17.91 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าลดลง 6.20 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง 35.53
ล้านบาทและหนี้สินหมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 20.47 ล้านบาท
สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 3.49
ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดจริง 19.30 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าลดลง 4.88 ล้าน
บาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 224.73 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินลง
ทุนในโครงการคลังน้ำมันและโครงการเติมน้ำมันอากาศยานจำนวน 49.64 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพื่อก่อ
สร้างคลังน้ำมันที่เชียงใหม่จำนวน 44.90 ล้านบาท ซื้อรถเติมน้ำมัน 3 คันเป็นจำนวน 39.75 ล้านบาท
นอกจากนี้เป็นเงินลงทุนในโครงการระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานใต้ลานจอดของ TARCO จำนวน
47.78 ล้านบาท และเงินลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ? สุวรรณภูมิของ JP-One
จำนวน 33.44 ล้านบาท
- กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 61.71 ล้านบาท โดยบริษัทฯและบริษัทในเครือ
มีเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 63.13 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมของบริษัทฯเพื่อใช้ในการลงทุนโครง
การคลังน้ำมันและโครงการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน จำนวน 28 ล้านบาท ในขณะที่ TARCO มี
เงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 19.02 ล้านบาท โดยเป็นการเบิกเงินกู้ในส่วนของเงินเหรียญสหรัฐจำนวน 0.5
ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินบาท 15 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นรายการกำไรที่ยังไม่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน
16.11 ล้านบาท จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ส่งผลให้เงินกู้ยืมระยะยาวทางบัญชีของ TARCO ลดลง
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2549 มีจำนวน
5,445.09 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน
3,176.07 ล้านบาท และเป็นงานระหว่างก่อสร้างและอุปกรณ์ของ TARCO จำนวน 1,598.54 ล้านบาท
และ JP-One จำนวน 671.62 ล้านบาท
2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุน
เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้าน
บาท และตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้
บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 4,250.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.47
ล้านบาท หรือร้อยละ 0.87 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2548 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.66 ต่อ 1 เท่า โดย
แบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 38.05 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
จำนวน 27.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ค่าผ่านท่อ (airport concession fee) ที่บริษัทฯเรียกเก็บจากลูกค้าผู้
ใช้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน เพื่อส่งมอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และเจ้าหนี้การ
ค้าอื่นๆจำนวน 10.14 ล้านบาท
2.2.2 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 227.15 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษี
เงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 84.94 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 112.74 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการ
เจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯและบริษัทในเครือเป็นส่วนใหญ่ โดยหนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลงจากปีที่
ผ่านมา 20.66 ล้านบาท
2.2.3 เงินประกันผลงานจำนวน 352.59 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินประกันผลงานของบริษัทฯ
จำนวน 192.87 ล้านบาท TARCO จำนวน 110.42 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 49.34 ล้านบาท
2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,488.95 ล้านบาท ประกอบด้วย
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 800 ล้านบาท อายุสัญญา 7
ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,630 ล้านบาท จากวงเงินกู้
รวม 2,000 ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน +
1.25% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO เพื่อใช้ในการลงทุนสร้าง Hydrant จำนวน 988.95 ล้านบาท
ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ย
Libor + 1.75% และ 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75% อายุสัญญา
10 ปี นับจากปี 2545 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 5 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน
? สุวรรณภูมิ จำนวน 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน
120 ล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ย MLR ? 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำ
สัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR ? 1% ระยะเวลาปลอดการชำระ
เงินต้นถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2550 อายุสัญญาประมาณ 7 ปี
เมื่อบริษัทฯกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินครบจำนวนแล้ว จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ
บริษัทฯเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีนโยบายที่จะดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าวไม่ให้เกิน 2 ต่อ 1 เท่า
เพื่อรักษาความมั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทฯ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังการเปิด
ให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,564.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2548
จำนวน 127.83 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำไรจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯจำนวน 127.01 ล้าน
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทฯมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 700
ล้านบาท และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้อง
บังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจน
ถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิดชดใช้
ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ
TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 จำนวน 13.45 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จำนวน 1.89 ล้านบาทและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 15.35 ล้านบาท ทำให้ TARCO มีผลขาดทุนสะสม
สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2549 เป็นจำนวน 26.30 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2549 TARCO มีภาระหนี้สิน
สกุลเงินบาทจำนวน 700 ล้านบาทและหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 7.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน
TARCO มีทุนจดทะเบียนและทุนเรียกชำระแล้ว 530 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ตามสัด
ส่วนการถือหุ้น ในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระ สำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาว 120 ล้านบาท โดยในไตร
มาสที่ 1 ปี 2549 JP-One มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 1.10 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ยรับ 0.01 ล้านบาท และค่า
ใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 1.11 ล้านบาท ทำให้ JP-One มีขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2549 จำนวน 8.71
ล้านบาท โดยปัจจุบัน JP-One มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ