บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 1/2550

ที่ กผ.089/2550 9 พฤษภาคม 2550 เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2550 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2550 1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ รวม 162.6 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 127.01 ล้านบาท สำหรับงวดเดียวกันของปี 2549 หรือคิด เป็นร้อยละ 28 โดยเหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงมีดังต่อไปนี้ 1.1 รายได้ 1.1.1 รายได้ค่าบริการ สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยรายได้ค่าบริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ทั้งสิ้น 565.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270 ล้านบาท หรือร้อยละ 92 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 โดยสาเหตุหลักมาจาก รายได้ค่าบริการของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 25 เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีปริมาณเท่ากับ 1,167.7 ล้านลิตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 และอัตราค่าบริการที่บริษัทฯ ได้รับเพิ่มขึ้นจากการเปิดให้บริการของทั้งที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและ ท่าอากาศยานดอนเมือง อีกทั้งในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีรายได้ค่าบริการของบริษัทย่อยคือ บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) และบริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) จำนวน 163.45 ล้านบาท และ 27.48 ล้านบาท ตามลำดับ 1.1.2 รายได้ค่าเช่า สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ค่าเช่าในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ทั้งสิ้นจำนวน 3.1 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่ง น้ำมันทางท่อจำกัด (FPT) จำนวน 1.76 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่ง ปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) จำนวน 1.35 ล้านบาท โดยรายได้ค่าเช่าลดลงจากปีที่ผ่านมา 6.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 69 ทั้งนี้เป็นผลมาจากเนื่องจากรายได้จากการขนส่ง JET A-1 ของ FPT มีปริมาณน้ำมันผ่านท่อลดลง อย่างเป็นสาระสำคัญ แม้ว่าจะได้รับรายได้ค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อจาก JP-One แต่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อ เทียบกับรายได้ค่าเช่าระบบน้ำมันทางท่อของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการปรับลดอัตราค่าเช่าสำนักงานให้กับ FPT 1.1.3 รายได้อื่น สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย รายได้อื่นในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มียอดทั้งสิ้น 21.2 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 4.8 ล้านบาท ซึ่งส่วนประกอบด้วยรายการต่อไปนี้ คือ ราย ได้ดอกเบี้ยรับและส่วนลดรับจากตั๋วแลกเงินจำนวน 5.9 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจาก บริษัท ไทย เชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของยอดสินเชื่อค้างชำระจำนวน 3 ล้านบาท กำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทฯ และของ TARCO รวมทั้งสิ้นจำนวน 11.9 ล้านบาท 1.2 ค่าใช้จ่าย 1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 220.69 ล้านบาท โดยต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 119.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 118 จากไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ที่ ผ่านมา ซึ่งสาเหตุที่ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นนั้นเนื่องมาจาก1) การเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าสัมปทานการให้บริการเติม น้ำมันที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัทฯ ต้องจ่ายให้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ในอัตรา 0.06 บาทต่อลิตรตามปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานของบริษัทฯ ก่อนหักค่าใช้จ่ายจำนวน 63.7 ล้านบาท 2) การเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 33.9 ล้านบาท และ ต้นทุนการให้บริการของ TARCO และ JP-One จำนวน 21.9 ล้านบาท และ 14.3 ล้านบาท ตามลำดับ แม้ว่าในไตร มาสนี้ค่าใช้จ่ายต้นทุนดำเนินงานในส่วนของค่าเช่าท่อส่งน้ำมันที่บริษัทฯ ต้องจ่าย ทอท. ปรับลดลงจำนวน 18.7 ล้าน บาท 1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีค่าใช้จ่ายในการบริหารใน ไตรมาสที่ 1 ปี 2550 จำนวน 61.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 28 จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทฯ จำนวน 9 ล้านบาท อันเนื่องมาจากรายการหลักคือ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานจำนวน 5.3 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินของบริษัทฯ จำนวน 3.6 ล้านบาท นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายในการบริหารของ TARCO และ JP-One สำหรับไตรมาสนี้มีจำนวน 8.6 ล้านบาท และ 2.4 ล้านบาทตามลำดับ 1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 จำนวน 53.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.2 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาว ของบริษัทฯ จำนวน 34.7 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 0.36 ล้านบาท นอกจากนั้นเป็น ดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO และ JP-One จำนวน 16.86 ล้านบาท และ 1.6 ล้านบาทตามลำดับ 1.3 สรุปผลการดำเนินงาน สำหรับงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ในงบการเงินรวมมี จำนวน 162.6 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 35.5 ล้านบาทหรือร้อยละ 28 จากไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นกำไรต่อหุ้นๆละ 0.38 บาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และสำหรับ กำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีจำนวน 84.8 ล้านบาท ซึ่งผลแตกต่างของ กำไรสุทธิจากงบการเงินทั้งสองดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกบัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบ การเงินเฉพาะของบริษัทฯ โดยที่กำไรสุทธิในงบการเงินรวมได้รวมผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยตามสัดส่วนการถือ หุ้น ในขณะที่กำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะจะรับรู้เฉพาะผลการดำเนินงานของบริษัทใหญ่ และรับรู้รายได้จากการลงทุน ในบริษัทย่อยก็ต่อเมื่อบริษัทใหญ่ได้รับเงินปันผลจากบริษัทย่อย 2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 2.1 สินทรัพย์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 7,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4 ล้าน บาท หรือร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2549 โดยสินทรัพย์ที่สำคัญ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ประกอบด้วย รายการสำคัญๆดังนี้ 2.1.1 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นจาก 604.3 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เป็น 701.86 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 หรือเพิ่มขึ้น 97.5 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการได้มาและ ใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้ - บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 270.5 ล้านบาท เนื่องมาจาก รายการสำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2550 จำนวน 162.6 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้กระแส เงินสดเพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคาจำนวน 74.96 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 14.4 ล้านบาท ค่าความนิยมตัดจำหน่าย 6.3 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าลดลง 4.0 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง 20.1 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 34.4 ล้านบาท สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 2.61 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดจริง 49.8 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าลดลง 8.9 ล้านบาท - กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 119.7 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินลงทุนในที่ดิน และสิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าจำนวน 122.3 ล้านบาท และเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ระยะยาวแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลง จำนวน 2.6 ล้านบาท - กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 53.3 ล้านบาท โดยเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร และ หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงินลดลง 51.5 ล้านบาทและ 1.8 ล้านบาทตามลำดับ 2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2550 มีจำนวน 5,724.1 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน 3,349.7 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 1,688.4 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 685.9 ล้านบาท 2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุนเมื่อเดือน สิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้านบาท และตัดจำหน่าย ตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 ค่าความนิยมดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 755 ล้านบาท 2.2 หนี้สิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 4,684.6 ล้านบาท ลดลง 157.6 ล้าน บาท หรือร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2549 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.65 ต่อ 1 เท่า โดยแบ่งเป็น รายการสำคัญๆได้ดังนี้ 2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 38.7 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 33.3 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าบริษัทอื่นจำนวน 5.3 ล้านบาท 2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 300.8 โดยเป็นส่วน ของบริษัทฯ จำนวน 227.78 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 49.1 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 24 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีมีจำนวน 8.9 ล้านบาท 2.2.3 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 172.1 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้ นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 103 ล้านบาท เจ้าหนี้อื่นจำนวน 20.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯ และบริษัทในเครือเป็นส่วนใหญ่ และหนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 48.6 ล้านบาท 2.2.4 เงินประกันผลงานจำนวน 280.2 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินประกันผลงานของบริษัทฯ จำนวน 171.9 ล้านบาท TARCO จำนวน 83.96 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 24.4 ล้านบาท 2.2.5 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,681.36 ล้านบาท ประกอบด้วย - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 533.33 ล้านบาท อายุสัญญา 7 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี โดยบริษัทฯมีกำหนดชำระคืน เงินต้นงวดแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,950 ล้านบาท ระยะเวลาคืน เงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.25% - เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO จำนวน 1,102.03 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) วงเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยLibor + 1.75% และ 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75% อายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2545 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 5 ปี นอกจากนี้ TARCO ได้กู้เงินเพิ่มจำนวน 170 ล้านบาทจาก BBL ที่อัตราดอกเบี้ย MLR ? 2.5% โดยส่วนลดจะลด ลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2549 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR ? 1.5% - เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One จำนวน 96 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่อัตราดอกเบี้ย MLR ? 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR ? 1% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้นถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2550 อายุสัญญาประมาณ 7 ปี 2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,842.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2549 จำนวน 176 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.6 3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต บริษัทฯ มีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 870 ล้านบาท และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำ ทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิดชดใช้ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 จำนวน 88.31 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 54 โดยมีรายได้จากค่าบริการจำนวน 163.5 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 27.7 ล้านบาท มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 10.1 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระสำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาวของ JP-One JP-One มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 จำนวน 9 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 34 โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 27.10 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนการให้บริการ และค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวนทั้งสิ้น 16.50 ล้านบาท จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ ( ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล ) กรรมการผู้จัดการ งานกฎหมายและตลาดหลักทรัพย์ โทร 02-565-3811-8 ต่อ 373