SET Announcements
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส2/50
ที่ กผ.137/2550
8 สิงหาคม 2550
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2550
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2550 สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ มีกำไร
สุทธิรวม 153.16 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 101.06 ล้านบาท สำหรับงวดเดียวกันของปี 2549
หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ซึ่งสาเหตุหลักของการปรับเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานของบริษัทมีดังต่อไปนี้
1.1 รายได้
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
รายได้รวมสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น
544.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250.69 ล้านบาท หรือร้อยละ 85 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 โดยสาเหตุหลักมาจาก
รายได้ค่าบริการของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 96 มาอยู่ที่ 527.46 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณ
น้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีปริมาณเท่ากับ 1,103.2 ล้านลิตรโดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เมื่อ
เทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 และจากการปรับอัตราค่าบริการเติมน้ำมันอากาศยาน
เพิ่มขึ้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ประกอบกันในไตรมาสนี้นั้น กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้
ค่าบริการจากบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) จำนวน 144.14 ล้านบาท บริษัท เจพี-
วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) จำนวน 20.50 ล้านบาท และบริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน จำกัด (IPS) จำนวน 1.02
ล้านบาทตามลำดับ
1.1.2 รายได้ค่าเช่า
รายได้ค่าเช่าสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น
4.60 ล้านบาท ลดลง 3.61 ล้านบาท หรือร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 โดยมีสาเหตุหลักมาจาก
รายได้ค่าขนส่งน้ำมัน JET A-1 ของ FPT ลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ แม้ว่าจะได้รับรายได้ค่าเช่าระบบรับน้ำมัน
ทางท่อจาก JP-One มาชดเชยบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรายได้ค่าเช่าระบบน้ำมันทางท่อของปีที่
ผ่านมา
-1-
1.1.3 รายได้อื่น
รายได้อื่นสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีจำนวนทั้งรวมสิ้น
12.40 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 3.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ซึ่ง
ประกอบด้วยรายการสำคัญ (ก่อนหักรายการระหว่างกันดังนี้) รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT สำหรับไตรมาสที่ 2
จำนวน 1.11 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยรับและส่วนลดรับจากตั๋วแลกเงินจำนวน 5.42 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียม
การค้ำประกันจาก บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) และบริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) ใน
อัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของยอดสินเชื่อค้างชำระจำนวน 3.01 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนของกลุ่มบริษัทฯ
รวมทั้งสิ้นจำนวน 3.53 ล้านบาท รายได้อื่นๆ จากการจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ตามตารางการชำระหนี้และการชำระ
เงินต้นก่อนกำหนดจาก FPT เป็นจำนวน 2.61 ล้านบาท
สำหรับงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 นี้ บริษัทฯ มีรายได้เงินปันผลรับจำนวน
39.59 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินปันผลรับจาก บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) สำหรับงวดการดำเนินงาน
ตั้งแต่ ม.ค. - มิ.ย. 2550
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีต้นทุนการให้บริการรวมทั้ง
สิ้น 203.19 ล้านบาท โดยต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 110.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 118 จากไตรมาสที่ 2 ปี 2549
ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นเนื่องมาจาก 1) การเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าสัมปทานการ
ให้บริการเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งบริษัทฯ ต้องจ่ายให้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ในอัตรา 0.06 บาทต่อลิตรตามปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานของบริษัทฯ
ก่อนหักค่าใช้จ่ายจำนวน 56.94 ล้านบาท 2) การเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวน 37.98
ล้านบาท และต้นทุนการให้บริการของ TARCO และ JP-One จำนวน 25.03 ล้านบาท และ 13.43 ล้านบาท
ตามลำดับ แม้ว่าในไตรมาสนี้ค่าใช้จ่ายต้นทุนดำเนินงานในส่วนของค่าเช่าท่อส่งน้ำมันที่บริษัทฯ ต้องจ่าย ทอท.
ปรับลดลงจำนวน 18.71 ล้านบาท
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จำนวน 66.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.66 ล้านบาท หรือร้อยละ 17 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้น
เนื่องมาจากรายการหลักคือ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 2.03 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของ
ค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินของบริษัทฯ จำนวน 4.06 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ
อุปกรณ์จำนวน 2.01 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของค่าบริการยามรักษาความปลอดภัยจำนวน 1.24 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4.11 ล้านบาท
นอกจากนั้นค่าใช้จ่ายในการบริหารของ TARCO และ JP-One สำหรับไตรมาสนี้มีจำนวน
8.56 ล้านบาท และ 2.67 ล้านบาทตามลำดับ
-2-
1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย
สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2550 จำนวน
46.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.2 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาว
ของบริษัทฯ จำนวน 29.18 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 0.33 ล้านบาท นอกจากนั้น
เป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินของ TARCO และ JP-One จำนวน
15.55 ล้านบาท และ 1.61 ล้านบาทตามลำดับ
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทฯ กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีจำนวน 153.16 ล้าน
บาทเพิ่มขึ้น 52.10 ล้านบาทหรือร้อยละ 52 จากไตรมาสที่ 2 ปี 2549 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 101.06 ล้านบาท และคิด
เป็นกำไรต่อหุ้นๆ ละ 0.33 บาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
และสำหรับกำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2550 มีจำนวน 142.30
ล้านบาท ซึ่งผลแตกต่างของกำไรสุทธิจากงบการเงินทั้งสองดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึก
บัญชีเงินลงทุนในบริษัทย่อยในงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 44
(ปรับปรุง 2550) เรื่องงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการโดยที่กำไรสุทธิในงบการเงินรวมได้รวมผลการ
ดำเนินงานของบริษัทย่อยตามสัดส่วนการถือหุ้น ในขณะที่กำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะจะรับรู้เฉพาะผลการ
ดำเนินงานของบริษัทใหญ่ และรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัทย่อยก็ต่อเมื่อบริษัทใหญ่ได้รับเงินปันผลจาก
บริษัทย่อย
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2550 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550 ได้มีมติอนุมัติให้
จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็น
เงินทั้งสิ้น 102 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 45 ของกำไรสุทธิ น้อยกว่านโยบายการจ่ายเงินปัน
ผลที่กำหนดไว้ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯต้องการรักษาสภาพคล่องทาง
การเงินไว้ให้เพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคต
2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 7,480.28 ล้านบาท ลดลง 46.77 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ของปี 2550 ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้
2.1.1 กลุ่มบริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 668.77 ล้านบาท โดยมี
รายละเอียดการได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้
- กลุ่มบริษัทฯ มีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 232.57 ล้านบาท เนื่องมาจาก
รายการสำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2550 จำนวน 153.16 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้
กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 78.50 ล้านบาท รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้
สงสัยจะสูญลดลง 2.61 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานลดลง 2.90 ล้านบาท ค่าความนิยมตัดจำหน่าย
6.38 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าลดลง 20.12 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 2.94 ล้านบาท
-3-
สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดจริง
1.94 ล้านบาท สินทรัพย์เพิ่มขึ้น 2.15 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลง 32.38 ล้านบาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 168.69 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นเงิน
ลงทุนในที่ดิน และสิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าจำนวน 149.38 ล้านบาท และเงินจ่ายล่วงหน้าค่าก่อสร้าง 21.92 ล้าน
บาท โดยในไตรมาสนี้เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ระยะยาวแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลงจำนวน 2.6 ล้านบาท
- กระแสเงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 96.64 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการ
จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2549
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิของกลุ่มบริษัทฯ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2
ปี 2550 มีจำนวน 5,717.2 ล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน
3,348.8 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 1,691.2 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 684.4 ล้านบาทตามลำดับ
2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุน
เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้านบาท และ
ตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้บริการที่สนามบิน
สุวรรณภูมิ ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 ค่าความนิยมดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 748.65 ล้านบาท
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 กลุ่มบริษัทฯ มีหนี้สินรวมจำนวน 4,574.1 ล้านบาท ลดลง 110.55 ล้านบาท
หรือร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ปี 2550 และคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.57 ต่อ 1 เท่า
โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 41.6 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
จำนวน 33.5 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าบริษัทอื่นจำนวน 8.1 ล้านบาท
2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 387.5 ล้าน
บาทโดยเป็นส่วนของบริษัทฯ จำนวน 277.78 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 97.73 ล้านบาท และของ JP-One
จำนวน 12 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีมีจำนวน 9.3
ล้านบาท
2.2.3 ส่วนของเงินประกันผลงานที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 179.7 ล้านบาทโดย
เป็นส่วนของบริษัทฯ จำนวน 97.12 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 58.20 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน
24.41 ล้านบาท
2.2.4 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 161.73 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษี
เงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 88.57 ล้านบาท เจ้าหนี้อื่นจำนวน 34.44 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน
38.71 ล้านบาท
-4-
2.2.5 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,590.94 ล้านบาท ลดลง 90.42 ล้านบาท จากสิ้น
ไตรมาส 1 ปี 2550 หรือคิดเป็นร้อยละ 2.5 โดยประกอบด้วย
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 533.33 ล้านบาท อายุสัญญา
7 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี โดยบริษัทฯมีกำหนด
ชำระคืนเงินต้นงวดแรกจำนวน 88.89 ล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,900 ล้านบาท ระยะเวลาคืน
เงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.25%
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO จำนวน 1,049.61 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจาก
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) วงเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยLibor + 1.75% และ 700 ล้าน
บาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75% อายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2545 ระยะเวลาปลอดการชำระเงิน
ต้น 5 ปี นอกจากนี้ TARCO ได้กู้เงินเพิ่มจำนวน 170 ล้านบาทจาก BBL ที่อัตราดอกเบี้ย MLR - 2.5% โดย
ส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2549 จนถึงอัตราดอกเบี้ย
สูงสุดที่ MLR - 1.5%
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One จำนวน 108 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร
กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่อัตราดอกเบี้ย MLR - 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำ
สัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR - 1% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้นถึง
วันที่ 30 ธันวาคม 2550 อายุสัญญาประมาณ 7 ปี
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 กลุ่มบริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,906.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้น
ไตรมาส 1 ปี 2550 จำนวน 63.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.2
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทฯ มีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 870
ล้านบาท และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้อง
บังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
จนถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิด
ชดใช้ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ
TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 จำนวน 69.27 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่
ร้อยละ 48 โดยมีรายได้จากค่าบริการจำนวน 144.14 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จำนวน 25.03 ล้านบาทและ 5.70 ล้านบาทตามลำดับ พร้อมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 3.52 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ตาม
สัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระสำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาวของ JP-One
-5-
JP-One มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2550 จำนวน 3.15 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่
ร้อยละ 15 โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 20.50 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนการให้บริการ และค่าใช้จ่ายในการบริหารมี
จำนวนทั้งสิ้น 16.16 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ
งานกฎหมายและตลาดหลักทรัพย์
โทร 02-565-3811-8 ต่อ 373
-6-