บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 2/51

ที่ กผ.145/2551 8 สิงหาคม 2551 เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2551 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2551 1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2551 สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท มีกำไรสุทธิรวม 124.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 153.2 ล้านบาท สำหรับงวดเดียวกันของปี 2550 หรือลดลงคิดเป็น ร้อยละ 18.9 โดยรายละเอียดของการปรับลดลงของผลการดำเนินงานของบริษัทมีดังต่อไปนี้ 1.1 รายได้ รายได้รวมสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ประจำไตรมาส 2 ปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 536.0 ล้านบาท ลดลง 8.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดคือ 1.1.1 รายได้ค่าบริการ รายได้ค่าบริการสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 0.1 มาอยู่ที่ 528.2 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2551 มีปริมาณเท่ากับ 1,106.0 ล้าน ลิตรโดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2551 นั้น ปรับลดลงร้อยละ 9.1 ซึ่งเป็นผล จากวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมากได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบิน และยังส่งผลให้ค่าเช่าระบบรับน้ำมัน ทางท่อซึ่งอิงกับปริมาณน้ำมันอากาศยานลดลงตามไปด้วย สำหรับรายได้ค่าบริการจากบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทย เชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) มีจำนวน 145.3 ล้านบาท บริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) จำนวน 23.3 ล้านบาท และบริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน จำกัด (IPS) จำนวน 1.1 ล้านบาท ตามลำดับ 1.1.2 รายได้ค่าเช่า รายได้ค่าเช่าสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 5.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 1.1.3 รายได้อื่น รายได้อื่นสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2551 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2.7 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 9.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 77.8 ซึ่งสาเหตุของการ ปรับลดลงของรายได้อื่น ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาดังกล่าว โดย กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 8.3 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นผลของการทำสัญญาประกัน ความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งมีรายละเอียดตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 18 ทั้งนี้รายการสำคัญๆ ก่อนหักรายการระหว่างกันในกลุ่มบริษัทสำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 มี ดังนี้ 1) รายได้จากการจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ตามตารางการชำระหนี้และการชำระเงินต้นก่อนกำหนดจาก FPT เป็น จำนวน 5.6 ล้านบาท 2) รายได้ดอกเบี้ยรับและส่วนลดรับจากตั๋วเงินคลังจำนวน 5.35 ล้านบาท 3) รายได้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจาก บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) และบริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของยอดสินเชื่อค้างชำระจำนวน 2.9 ล้านบาท และสำหรับงบการเงินเฉพาะ บริษัทนั้น มีรายได้เงินปันผลรับจากบริษัทย่อยจำนวน 62.8 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินปันผลจาก TARCO 1.2 ค่าใช้จ่าย 1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ในไตรมาส 2 ปี 2551 มีต้นทุนการให้บริการรวมทั้งสิ้น 224.9 ล้านบาท โดยต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 21.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.7 จากไตรมาส 2 ปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นเนื่องมาจาก 1) ค่าเช่าระบบท่อส่งเชื้อเพลิงเพื่อดำเนินกิจการ ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแก่อากาศยาน ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพ และค่าเช่าพื้นที่และอาคารในเขตลานจอด เครื่องบิน ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้นรวมจำนวน 7.1 ล้านบาท 2) เงินเดือน และค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 7.1 ล้านบาท 3) ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจำนวน 5.6 ล้านบาท ตามลำดับ 1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ในไตรมาส 2 ปี 2551 มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 73.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.8 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายการหลักคือ 1) เงินเดือนและค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 4.1 ล้านบาท 2) ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น จำนวน 3.4 ล้านบาท 3) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นจำนวน 2.6 ล้านบาท ตามลำดับ 1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท มีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาส 2 ปี 2551 จำนวน 40.3 ล้านบาท ลดลง 6.4 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 13.6 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงิน กู้ยืมระยะยาวของบริษัทจำนวน 26.1 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 0.4 ล้านบาท นอกจากนั้นเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินของ TARCO และ JP-One จำนวน 12.2 ล้านบาทและ 1.6 ล้านบาท ตามลำดับ 1.3 สรุปผลการดำเนินงาน สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2551 มีจำนวน 124.2 ล้านบาท ลดลง 28.9 ล้านบาทหรือร้อยละ 18.9 จากไตรมาส 2 ปี 2550 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 153.2 ล้านบาท และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นๆ ละ 0.24 บาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2551 ได้มีมติอนุมัติให้ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็น เงินทั้งสิ้น 76.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 36.9 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะบริษัท 2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 2.1 สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 กลุ่มบริษัท มีสินทรัพย์รวมจำนวน 7,293.5 ล้านบาท ลดลง 0.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 1 ของปี 2551 ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้ 2.1.1 กลุ่มบริษัท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 692.7 ล้านบาท โดยมี รายละเอียดการได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้ - กลุ่มบริษัท มีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 265.4 ล้านบาท เนื่องมาจาก รายการสำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2551 จำนวน 124.2 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้กระแสเงิน สดเพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 87.0 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานจำนวน 6.1 ล้านบาท ค่าสัมปทานของบริษัทย่อยตัดจำหน่าย 6.4 ล้านบาท ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้น จริงจำนวน 7.4 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์ดำเนินงาน สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายจ่ายโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 5.6 ล้านบาท และลูกหนี้การค้าและอะไหล่คงเหลือเพิ่มขึ้นจำนวน 1.7 ล้านบาท - กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 43.2 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินลงทุน ในที่ดินและสิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าจำนวน 39.5 ล้านบาท - กระแสเงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 277.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินปันผลจ่าย จำนวน 163.2 ล้านบาท เงินชำระคืนเงินกู้ยืมระยาวจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 104.6 ล้านบาท รวมถึงการจ่ายเงิน ปันผลให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อยจำนวน 10.2 ล้านบาท 2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 มีจำนวน 5,640.2 ล้านบาท โดยเป็นที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของของ TARCO จำนวน 1,655.3 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 661.1 ล้านบาทตามลำดับ 2.1.3 ค่าสัมปทานของบริษัทย่อย ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูง กว่าราคาทุนเมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าสัมปทานของบริษัทย่อย จำนวน 768.0 ล้านบาท และตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ค่าสัมปทานดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 723.0 ล้านบาท 2.2 หนี้สิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 กลุ่มบริษัท มีหนี้สินรวมจำนวน 4,146.2 ล้านบาทลดลง 94.8 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ของปี 2551 และคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.32 ต่อ 1 เท่า โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้ 2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 44.3 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน จำนวน 34.7 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าบริษัทอื่นจำนวน 9.7 ล้านบาท 2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 520.0 ล้านบาทโดยเป็นส่วนของบริษัท จำนวน 301.6 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 194.4 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 24.0 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีมีจำนวน 11.7 ล้านบาท 2.2.3 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 173.3 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษี เงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 89.5 ล้านบาท เจ้าหนี้อื่นจำนวน 13.5 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 70.2 ล้านบาท 2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,142.3 ล้านบาท ลดลง 68.7 ล้านบาท จากสิ้น ไตรมาส 1 ของปี 2551 หรือคิดเป็นร้อยละ 2.1 โดยประกอบด้วย - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 507.9 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,700.0 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO จำนวน 850.3 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแบ่งเป็น เงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐที่ปัจจุบัน TARCO ได้ทำ Currency Swap เป็นสกุลบาทแล้วจำนวน 190.3 ล้านบาท และเงินกู้สกุลบาทจำนวน 660.0 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One จำนวน 84.0 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 กลุ่มบริษัท มีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 3,147.3 ล้านบาท ลดลงจากสิ้น ไตรมาส 1 ของปี 2551 จำนวน 38.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.2 3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต บริษัท มีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในยอดคงค้างสินเชื่อ ณ ปัจจุบันที่ 630.0 ล้านบาท และ 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (โดยเป็นยอดรวมหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปี) และ รวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระหนี้สินจะ เกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำทรัพย์สิน ออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทต้องรับผิดชดใช้ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2551 จำนวน 68.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อย ละ 49.1 โดยมีรายได้จากค่าบริการจำนวน 145.3 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 25.8 ล้านบาทและ 9.7 ล้านบาทตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัท ยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One คิดเป็น จำนวน 54.0 ล้านบาท (รวมหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปี) ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระสำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาวของ JP-One JP-One มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2551 จำนวน 1.2 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 5.3 โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 23.3 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวนทั้งสิ้น 17.8 ล้านบาท และ 2.9 ล้านบาท ตามลำดับ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (หม่อมราชวงศ์ศุภดิศ ดิศกุล) กรรมการผู้จัดการ งานกฎหมายและตลาดหลักทรัพย์ โทรศัพท์ 0-2834-8914 โทรสาร 0-2834-8920