บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 3/51

ที่ บช.104/2551 11 พฤศจิกายน 2551 เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2551 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2551 1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2551 สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท มีกำไรสุทธิรวม 129.5 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 150.0 ล้านบาท สำหรับงวดเดียวกันของปี 2550 หรือลดลงคิดเป็น ร้อยละ 13.7 โดยรายละเอียดของผลการดำเนินงานของบริษัทมีดังต่อไปนี้ 1.1 รายได้ รายได้รวมสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ประจำไตรมาส 3 ปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 512.7 ล้านบาท ลดลง 32.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.0 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดย 1.1.1 รายได้ค่าบริการ รายได้ค่าบริการสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ปรับลดลงจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 6.4 มาอยู่ที่ 499.7 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2551 มีปริมาณเท่ากับ 1,042 ล้าน ลิตร ลดลงร้อยละ 8.1 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 1,134 ล้านลิตร ซึ่ง เป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบิน และยังส่งผลให้ค่าเช่าระบบรับน้ำมัน ทางท่อซึ่งอิงกับปริมาณน้ำมันอากาศยานลดลงตามไปด้วย สำหรับรายได้ค่าบริการจากบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทย เชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) มีจำนวน 139.4 ล้านบาท บริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) จำนวน 20.4 ล้านบาท และบริษัท บริการน้ำมันอากาศยาน จำกัด (IPS) จำนวน 1.1 ล้านบาท ตามลำดับ 1.1.2 รายได้ค่าเช่า รายได้ค่าเช่าสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 4.7 ล้านบาท ลดลง 2.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 1.1.3 รายได้อื่น รายได้อื่นสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2551 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 8.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2550 ที่ผ่านมาจำนวน 3.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 90.9 ซึ่งสาเหตุของการ ปรับเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ส่วนใหญ่เป็นผลของอัตราแลกเปลี่ยนโดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 34.2143 บาทต่อ เหรียญสหรัฐ ณ 29 กันยายน 2550 มาอยู่ที่ 33.8828 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ณ 30 กันยายน 2551 มาเป็น ส่งผลให้ กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1.9 ล้านบาทลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 1.9 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 18 ทั้งนี้รายการสำคัญๆ ก่อนหักรายการระหว่างกันในกลุ่มบริษัทสำหรับไตรมาส 3 ปี 2551 มี ดังนี้ 1) รายได้จากการจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ตามตารางการชำระหนี้และการชำระเงินต้นก่อนกำหนดจาก FPT เป็น จำนวน 4.3 ล้านบาท 2) รายได้ดอกเบี้ยรับและส่วนลดรับจากตั๋วเงินคลังจำนวน 5.0 ล้านบาท 3) รายได้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจาก บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO) และบริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ของยอดสินเชื่อค้างชำระจำนวน 2.8 ล้านบาท และสำหรับงบการเงินเฉพาะ บริษัทนั้น มีรายได้เงินปันผลรับจากบริษัทย่อยจำนวน 68.3 ล้านบาทซึ่งเป็นเงินปันผลจาก TARCO 1.2 ค่าใช้จ่าย 1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ในไตรมาส 3 ปี 2551 มีต้นทุนการให้บริการรวมทั้งสิ้น 221.4 ล้านบาท โดยต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 7.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 จากไตรมาส 3 ปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่ง สาเหตุที่ทำให้ต้นทุนการให้บริการเปลี่ยนแปลงเนื่องมาจาก 1) เงินเดือน และค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 9.3 ล้านบาท 2) ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจำนวน 3.7 ล้านบาท 3) ค่าใช้จ่ายซ่อมแซมและบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาท ตามลำดับ โดยต้นทุ นค่าสัมปทานการให้บ ริ การเติม น้ำมันที่ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ (Airport Concession Fee) ลดลง 4.1 ล้านบาท ค่าเช่าระบบท่อส่งเชื้อเพลิงเพื่อดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ลดลงจำนวน 2.4 ล้านบาท และค่าเบี้ยประกันภัยลดลง 1.6 ล้านบาท 1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท ในไตรมาส 3 ปี 2551 มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 65.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเนื่องจาก รายการหลักคือ 1) เงินเดือนและค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 4.9 ล้านบาท 2) ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจำนวน 3.2 ล้านบาท 1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท มีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาส 3 ปี 2551 จำนวน 41.1 ล้านบาท ลดลง 1.1 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงิน กู้ยืมระยะยาวของบริษัทจำนวน 26.8 ล้านบาท และดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินจำนวน 0.4 ล้านบาท นอกจากนั้นเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินของ TARCO และ JP-One จำนวน 12.2 ล้านบาทและ 1.7 ล้านบาท ตามลำดับ 1.3 สรุปผลการดำเนินงาน สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัท กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2551 มีจำนวน 129.5 ล้านบาท ลดลง 20.5 ล้านบาทหรือร้อยละ 13.7 จากไตรมาส 3 ปี 2550 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 150.0 ล้านบาท และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นๆ ละ 0.25 บาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น 2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 2.1 สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 กลุ่มบริษัท มีสินทรัพย์รวมจำนวน 7,115.6 ล้านบาท ลดลง 177.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2551 ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้ 2.1.1 กลุ่มบริษัท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 556.8 ล้านบาท โดยมี รายละเอียดการได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้ - กลุ่มบริษัท มีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 180.0 ล้านบาท เนื่องมาจาก รายการสำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2551 จำนวน 129.5 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้ กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 89.8 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์ พนักงานจำนวน 7.9 ล้านบาท ค่าสัมปทานของบริษัทย่อยตัดจำหน่าย 6.4 ล้านบาท และการเปลี่ยนแปลงใน สินทรัพย์ดำเนินงาน สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงหลักๆ ได้แก่ รายจ่ายโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะ สูญจำนวน 4.3 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวน 4.2 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียน อื่นลดลงจำนวน 43.6 ล้านบาท - กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 47.6 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน เพิ่มเติมในหุ้นของ JP-One ที่บริษัทจ่ายชำระในส่วนแรกจำนวน 50.0 ล้านบาท - กระแสเงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 242.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินปันผลจ่าย จำนวน 76.5 ล้านบาท เงินชำระคืนเงินกู้ยืมระยาวจากธนาคารพาณิชย์และชำระหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน จำนวน 155.4 ล้านบาทและ 3.5 ล้านบาทตามลำดับ รวมถึงการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อย จำนวน 7.6 ล้านบาท 2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 มีจำนวน 5,584.0 ล้านบาท โดยเป็นที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของของ TARCO จำนวน 1,646.5 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 655.3 ล้านบาทตามลำดับ 2.1.3 ค่าสัมปทานของบริษัทย่อย ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูง กว่าราคาทุนเมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ทำให้บริษัทต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าสัมปทานของบริษัทย่อย จำนวน 768.0 ล้านบาท และตัดจำหน่ายตามอายุสัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ค่าสัมปทานดังกล่าวมีจำนวนทั้งสิ้น 716.6 ล้านบาท 2.2 หนี้สิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 กลุ่มบริษัท มีหนี้สินรวมจำนวน 3,916.6 ล้านบาทลดลง 229.6 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 ของปี 2551 และคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.22 ต่อ 1 เท่า โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้ 2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 41.6 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน จำนวน 32.5 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าบริษัทอื่นจำนวน 9.1 ล้านบาท 2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 519.7 ล้าน บาทโดยเป็นส่วนของบริษัท จำนวน 301.6 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 194.1 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 24.0 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีมีจำนวน 11.7 ล้านบาท 2.2.3 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 91.5 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษีเงิน ได้นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 22.5 ล้านบาท เจ้าหนี้อื่นจำนวน 6.1 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 62.9 ล้านบาท 2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 2,987.1 ล้านบาท ลดลง 155.2 ล้านบาท จากสิ้น ไตรมาส 2 ของปี 2551 หรือคิดเป็นร้อยละ 4.9 โดยประกอบด้วย - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 457.1 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,650.0 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO จำนวน 801.9 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแบ่งเป็น เงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐที่ปัจจุบัน TARCO ได้ทำ Currency Swap เป็นสกุลบาทแล้วจำนวน 176.9 ล้านบาท และเงินกู้สกุลบาทจำนวน 625.0 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One จำนวน 78.0 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 กลุ่มบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 3,199.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้น ไตรมาส 2 ของปี 2551 จำนวน 51.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.6 3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต 3.1 บริษัทมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในยอดคงค้างสินเชื่อ ณ ปัจจุบันที่ 765.0 ล้านบาท และ 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (โดยเป็นยอดที่นับรวมหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปีไว้ ด้วย) และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ ซึ่งภาระ หนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำ ทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทต้องรับผิดชดใช้ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2551 จำนวน 65.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อย ละ 47.1 โดยมีรายได้จากค่าบริการจำนวน 139.4 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 26.1 ล้านบาทและ 7.1 ล้านบาทตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One คิดเป็น จำนวน 51.0 ล้านบาท (รวมหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปี) ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระสำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาวของ JP-One JP-One มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2551 จำนวน 0.5 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราขาดทุนสุทธิที่ร้อย ละ 2.4 โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 20.4 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวน ทั้งสิ้น 16.3 ล้านบาท และ 3.2 ล้านบาท ตามลำดับ 3.2 บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากกลุ่ม Finansa เป็นจำนวน 2.55 ล้านหุ้น ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นที่ บริษัทฯ ถืออยู่เดิม 50 % เป็น 92.5 % ในราคารวมทั้งสิ้น 300.9 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายชำระค่าหุ้นล่วงหน้าเป็น เงิน 50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2551 ส่วนที่เหลือกำหนดชำระภายใน วันที่ 31 ธันวาคม 2551 3.3 บริษัทได้ขายที่ดินของบริษัทที่ลาดกระบัง เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 16 ไร่ 3 งาน 70 ตารางวา ให้แก่ บริษัท มนต์ทรานสปอร์ต จำกัด ในราคา 100 ล้านบาท และจะดำเนินการซื้อขายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 18 ธันวาคม 2551 จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายฉัตรธัย พันธัย) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี งานกฎหมายและตลาดหลักทรัพย์ โทรศัพท์ 0-2834-8914 โทรสาร 0-2834-8920