SET Announcements

ที่ กผ.127/2553 11 สิงหาคม 2553 เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2553 เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2553 1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 2 ของปี 2553 ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำมันที่กลุ่มบริษัทให้บริการ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 มาอยู่ที่ 996 ล้านลิตร เทียบกับปริมาณน้ำมันในไตรมาส 2 ของ ปี 2552 ที่ 973 ล้านลิตร ในขณะที่จำนวนเที่ยวบินที่ ให้บริการมีอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ 35,327 เที่ยวบินจาก 34,485 เที่ยวบิน ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทปรับเพิ่มขึ้น 39.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.2 โดยอยู่ที่ระดับ 522.0 ล้านบาท เทียบกับ 482.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 146.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.1 จาก 123.3 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปี 2552 และคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 0.29 บาท 1.1 รายได้ รายได้รวมในไตรมาส 2 ของปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 522.0 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1.1.1 รายได้ค่าบริการ รายได้ค่าบริการมีจำนวนทั้งสิ้น 512.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบ กับรายได้ค่าบริการของไตรมาส 2 ของปี 2552 ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณน้ำมันอากาศยานที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.1.2 รายได้อื่น 1.1.2.1 ค่าเช่ารับ ค่าเช่ารับมีจำนวน 4.1 ล้านบาท ลดลง 0.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2552 1.1.2.2 รายได้อื่นๆ รายได้อื่นๆ มีจำนวน 5.5 ล้านบาท ลดลง 0.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของ ปี 2552 โดยสาเหตุที่สำคัญมาจาก รายได้จากการจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ตามตารางการชำระหนี้และการชำระเงินต้น ก่อนกำหนดที่บริษัทได้รับจาก FPT ลดลงจำนวน 1.3 ล้านบาท แม้ว่าจะมีรายได้จากรายการอื่นๆเพิ่มขึ้น 1.2 ค่าใช้จ่าย 1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ ต้นทุนการบริการในไตรมาส 2 ของ ปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 215.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของ ปี 2552 ที่ 205.5 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้นทุนบริการเพิ่มขึ้น เนื่องจาก 1) เงินเดือนและค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 8.3 ล้านบาท 2) ต้นทุนค่าสัมปทานการให้บริการเติม น้ำมันที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ (Airport Concession Fee) เพิ่มขึ้นจำนวน 0.9 ล้านบาท โดยเป็นไปตาม ปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และ 3) ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาท 1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาส 2 ของ ปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 67.2 ล้านบาท ลดลง 1.6 ล้าน บาท หรือร้อยละ 2.3 โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงเป็นผลมาจากภาษีโรงเรือนปรับลดลง จำนวน 7.1 ล้านบาท แม้ว่าเงินเดือนและค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาท โดยที่ค่าตอบแทนผู้บริหารของ ไตรมาสนี้ปรับลดลง 3.6 ล้านบาท ทั้งนี้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของไตรมาส 2 ปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 96.3 ล้านบาท ลดลง 1.2 ล้านบาท 1.2.3 ค่าใช้จ่ายทางการเงิน สำหรับค่าใช้จ่ายทางการเงินในไตรมาส 2 ของ ปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 21.6 ล้านบาท ลดลง 4.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.3 เนื่องจากยอดหนี้เงินกู้ระยะยาวของบริษัททยอยปรับลดลงตามตารางการชำระหนี้ ซึ่งเป็น ดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินของบริษัทจำนวน 15.9 ล้านบาท นอกจากนั้น เป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าทางการเงินของ TARCO และ JP-One จำนวน 4.9 ล้านบาท และ 0.8 ล้านบาท ตามลำดับ 1.3 สรุปผลการดำเนินงาน บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของ ปี 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 146.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5 ล้านบาท หรือร้อย ละ 19.1 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีผลกำไรสุทธิ 123.3 ล้านบาท และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นๆ ละ 0.29 บาท ซึ่งการดำเนินงานของบริษัทเป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น 2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน 2.1 สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 6,629.3 ล้านบาท ลดลง 0.2 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับ 31 ธันวาคม 2552 ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้ 2.1.1 กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 772.4 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด การได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้ - กลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 265.6 ล้านบาท เนื่องมาจากรายการ สำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิก่อนผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสำหรับไตรมาส 2 ปี 2553 จำนวน 153.7 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำ ให้กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 89.3 ล้านบาท ค่าสัมปทานของบริษัทย่อยตัด จำหน่าย 7.0 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานจำนวน 1.2 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าลดลง 22.6 ล้านบาท และผล ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 0.6 ล้านบาท สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ หนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลง 9.5 ล้านบาท - กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนสุทธิมีจำนวน 0.6 ล้านบาท โดยเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ระยะ ยาวแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลงจำนวน 4.3 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจำนวน 3.2 ล้านบาท และเงินสดจ่ายซื้อสิ่งปรับปรุง สินทรัพย์เช่าและอื่นๆรวมจำนวน 7.1 ล้านบาท - กระแสเงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินสุทธิมีจำนวน 317.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายคืนเงิน กู้ยืมระยาวและชำระหนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงินจำนวนรวม 140.8 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 16.0 ล้าน บาท รวมทั้งจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2552 ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 153.0 ล้านบาท ตามลำดับ 2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 มีจำนวน 4,899.7 ล้านบาท ลดลง 166.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.3 2.1.3 ค่าสัมปทานของบริษัทย่อยซึ่งเกิดจากการที่บริษัทซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่า ราคาทุน โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน มีจำนวน 671.8 ล้านบาท 2.2 หนี้สิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินรวมจำนวน 3,233.7 ล้านบาท ลดลง 337.2 ล้านบาท หรือร้อย ละ 9.4 และคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 0.95 ต่อ 1 เท่า ลดลงจาก 1.09 เท่าต่อ 1 เท่า เมื่อเทียบกับหนี้สิน รวมของบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้ 2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 43.0 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 30.2 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าบริษัทอื่นจำนวน 12.8 ล้านบาท 2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 667.5 ล้านบาท โดยเป็นส่วนของบริษัทจำนวน 374.1 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 269.4 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 24.0 ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีมีจำนวน 11.6 ล้านบาท ซึ่ง เป็นส่วนของบริษัทจำนวน 7.7 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 2.5 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 1.4 ล้านบาท ตามลำดับ 2.2.3 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 117.6 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้ นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 73.8 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นๆ จำนวน 43.7 ล้านบาท 2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารสุทธิจำนวน 2,107.4 ล้านบาท ลดลง 340.0 ล้านบาท จาก 31 ธันวาคม 2552 หรือคิดเป็นร้อยละ 13.9 โดยประกอบด้วย - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 304.8 ล้านบาท ซึ่งจะครบ กำหนดปี 2557 มีกำหนดชำระคืนเงินต้นปีละ 2 งวด โดยชำระคืนในแต่ละงวด งวดละ 50.8 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,210.0 ล้านบาท ซึ่งจะครบ กำหนดปี 2557 มีกำหนดชำระคืนเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดเป็นรายไตรมาส โดยในปี 2553 ชำระคืนในแต่ละงวด งวดละ 65.0 ล้านบาท - เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวน 207.5 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนด ปี 2558 มีกำหนดชำระคืนเป็นรายไตรมาส โดยชำระคืนในแต่ละงวด งวดละ 6.3 ล้านบาท และชำระคืนเงินต้นที่เหลือ ทั้งหมดในงวดสุดท้าย ซึ่งมีกำหนดชำระคืนเงินต้นงวดแรกในเดือนมีนาคม 2554 - เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO จำนวน 349.1 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแบ่งเป็น เงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐที่ปัจจุบัน TARCO ได้ทำ Currency Swap เป็นสกุลบาท แล้วจำนวน 81.6 ล้านบาท และเงินกู้สกุลบาทจำนวน 267.5 ล้านบาท มีกำหนดชำระคืนเป็นรายไตรมาส โดยจะครบ กำหนดปี 2555 - เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One จำนวน 36.0 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มีกำหนดชำระคืนเป็นรายเดือน โดยจะครบกำหนดปี 2555 2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 กลุ่มบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 3,395.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 31 ธันวาคม 2552 จำนวน 123.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.8 3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต บริษัทมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 870.0 ล้าน บาท และ 8.0 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอดรวมหนี้สิน ณ ปัจจุบันของ TARCO ตามวงเงินข้างต้นมีจำนวนเท่ากับ 618.6 ล้านบาท (รวมหนี้สินส่วนที่ต้องชำระในหนึ่งปี) นอกจากนี้ บริษัทยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระสำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาวของ JP-One ตั้งแต่ตอนจัดตั้ง JP-One โดยยอดค้ำประกัน ข้างต้น ณ ปัจจุบันมีจำนวนเท่ากับ 30.0 ล้านบาท (รวมหนี้สินส่วนที่ต้องชำระในหนึ่งปี) จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ ( หม่อมราชวงศ์ศุภดิศ ดิศกุล ) กรรมการผู้จัดการ ส่วนงานบริหารกฎหมายและหลักทรัพย์ โทรศัพท์ 0-2834-8914 โทรสาร 0-2834-8920