ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 2/49
ที่ กผ. 110/2549
วันที่ 10 สิงหาคม 2549
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2549
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2549
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
1.1 รายได้
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
บริษัทมีรายได้ค่าบริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 ทั้งสิ้น 269.62 ล้านบาท ลดลง 8.14 ล้านบาท หรือร้อยละ
2.93 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 โดยปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ปริมาณน้ำมันที่
ให้บริการและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 บริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการ
เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปีที่ผ่านมา โดยปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มีปริมาณเท่ากับ
1,024.76 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 33.47 ล้านลิตร หรือร้อยละ 3.38 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 2
ปี 2548
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่มีผลกระทบต่อรายได้ค่าบริการของบริษัทฯได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เนื่องจากรายได้ค่าบริการของบริษัทฯกำหนดเป็นอัตราที่อ้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทเฉลี่ย แข็งค่าขึ้น
จาก 40.44 บาทต่อดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 เป็นประมาณ 37.92 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549
คิดเป็นอัตราการแข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 6.23 ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อรายได้ของบริษัทฯ ดังนั้นเมื่อรวมกับการที่บริษัทฯมี
ปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.38 ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 6.23 ทำให้รายได้ค่าบริการลดลง
ร้อยละ 2.93
1.1.2 รายได้ค่าเช่า
บริษัทฯมีรายได้ค่าเช่าในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 ทั้งสิ้น 8.21 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าเช่าที่ดิน อาคาร
สำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) จำนวน 7.79 ล้านบาท และรายได้
จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) จำนวน 0.41 ล้าน
บาท โดยรายได้ค่าเช่าลดลงจากปีที่ผ่านมา 1.46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.12 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลดลงของค่า
เช่าระบบรับน้ำมันทางท่อจาก FPT จำนวน 1.62 ล้านบาท ซึ่งค่าเช่าดังกล่าวคิดเป็นอัตราลอยตัวอ้างอิงจากรายได้ค่า
ขนส่งน้ำมัน JET A-1 ของ FPT สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2549 FPT มียอดรายได้จากการขนส่งน้ำมัน JET A-1 ลด
ลงจากไตรมาสที่ 2 ปี 2548 เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันผ่านท่อลดลงจากไตรมาสที่ 2 ปีก่อนในอัตราประมาณร้อยละ
39.47
1.1.3 รายได้อื่น
สำหรับรายได้อื่นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มียอดทั้งสิ้น 15.93 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการ
สำคัญๆ ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT จำนวน 1.14 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจากเงินลงทุนระยะสั้นจำนวนประมาณ
1.93 ล้านบาท เงินต้นที่ได้รับชำระจาก FPT ตามตารางการจ่ายชำระหนี้ในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งที่ 3 และ
เงินต้นที่ได้รับชำระก่อนกำหนดจำนวน 4.13 ล้านบาท ซึ่งเงินต้นที่บริษัทฯให้กู้ยืมแก่ FPT จำนวนนี้ บริษัทฯได้บันทึกค่า
เผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในปี 2545 ดังนั้นเงินต้นที่ได้รับชำระคืนทั้งหมดจะบันทึกเป็นรายได้อื่น และ
ค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก TARCO จำนวน 2.48 ล้านบาทและค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก JP-One จำนวน 0.09
ล้านบาท นอกจากนี้เป็นรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการบันทึกหนี้สินระยะยาวในส่วนที่เป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์
ของ TARCO จำนวน 4.26 ล้านบาท
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
ไตรมาสที่ 2 ปี 2549 บริษัทฯมีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 93.02 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้
ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอดของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (?ทอท.?) จำนวน 18.71 ล้านบาท ค่า
เช่าที่ดิน 4.59 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ จำนวน 4.49 ล้านบาท ค่าสาธารณูปโภคจำนวน 3.87 ล้านบาท ค่า
เบี้ยประกันภัย ประเภท All Risks Insurance จำนวน 1.97 ล้านบาท และ Third Party Legal
Liability Insurance จำนวน 4.08 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา จำนวน 10.59 ล้านบาท เงินเดือนพนักงานจำนวน
21.22 ล้านบาท ค่าล่วงเวลาจำนวน 6.45 ล้านบาทและเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงาน จำนวน 4.22
ล้านบาท
ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.07 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.16 จากไตรมาสที่ 2 ปี 2548 ซึ่ง
เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราปกติของค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยมีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายหลักบางรายการได้แก่ เงินเดือน
พนักงานจำนวน 2.5 ล้านบาท ค่าล่วงเวลาจำนวน 1.29 ล้านบาท และค่าสาธารณูปโภคจำนวน 1.8 ล้านบาท
นอกจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นข้างต้นแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายบางรายการที่ลดลง ได้แก่ ค่าเสื่อมราคาลดลง 4.81ล้าน
บาทและเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงานลดลงจำนวน 1 ล้านบาท
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 จำนวน 56.48 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ
ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 15.07 ล้านบาท ค่าภาษีโรงเรือน 4.97 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์
จำนวน 5.81 ล้านบาท เงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงานจำนวน 2.34 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา 3.57
ล้านบาทและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จำนวน 1.83 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 9.37 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.23 จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากรายการสำคัญๆ
ได้แก่ การลดลงของรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของบริษัทฯจำนวน 11.95 ล้านบาท และการลดลงของ
รายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของ TARCO จำนวน 11.89 ล้านบาท จากการที่ TARCO มีหนี้เงินกู้สกุลเงิน
ดอลลาร์สหรัฐอยู่เป็นจำนวน 8 ล้านเหรียญ ซึ่งค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในไตรมาสที่ 2/2549 เทียบกับไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน ทำให้ TARCO บันทึกรับรู้เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนแทนการบันทึกขาดทุนในปีก่อน และการลดลงของเงิน
ผลประโยชน์เมื่อออกจากงานจำนวน 1.78 ล้านบาท นอกจากนี้ มีค่าใช้จ่ายสำคัญๆที่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ เงินเดือน
พนักงานจำนวน 1.82 ล้านบาท ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์จำนวน 5.08 ล้านบาท และค่าภาษีโรงเรือน 4.97 ล้านบาท
1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย
บริษัทฯมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2549 จำนวน 9.46 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะ
ยาว 800 ล้านบาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 9.27 ล้านบาทและดอกเบี้ยจ่ายจากสัญญาเช่า
ทางการเงินจำนวน 0.19 ล้านบาท
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2549 คิดเป็นจำนวน 101.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.60 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 10.5 จากไตรมาสที่ 2 ปี 2548 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 91.46 ล้านบาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าว
มาแล้วข้างต้น และมีกำไรต่อหุ้นๆละ 0.24 บาท
จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯสำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทฯมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น
228.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.53 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.89 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้นๆ
ละ 0.54 บาท และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 ได้มีมติอนุมัติให้จ่าย
เงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2549 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงิน
ทั้งสิ้น 85 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลร้อยละ 37 ของกำไรสุทธิ น้อยกว่านโยบายการจ่ายเงินปันผลที่
กำหนดไว้ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯต้องการรักษาสภาพคล่องทางการเงินไว้
ให้เพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคตจนกว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มศักยภาพ
2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 6,824.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.66
ล้านบาท หรือร้อยละ 0.16 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2549 โดยสินทรัพย์ที่สำคัญ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2ปี 2549
ประกอบด้วยรายการสำคัญๆดังนี้
2.1.1 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงจาก 303.19 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่
1 ปี 2549 เป็น 223.46 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 หรือลดลง 79.73 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการได้
มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้
- บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 100.69 ล้านบาท เนื่องมาจากรายการ
สำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2549 จำนวน 101.06 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้กระแสเงินสด
เพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคา 14.51 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าลด
ลง 16.94 ล้านบาทและสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง 7.41 ล้านบาท
สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 4.13 ล้านบาท กำไร
จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดจริง 5.47 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลง 33.22 ล้านบาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 163.91 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการ
คลังน้ำมันและโครงการเติมน้ำมันอากาศยานจำนวน 79 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นเงินลงทุนในโครงการระบบท่อส่งน้ำมัน
อากาศยานใต้ลานจอดของ TARCO จำนวน 49.12 ล้านบาท และเงินลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ?
สุวรรณภูมิของ JP-One จำนวน 17.95 ล้านบาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 16.52 ล้านบาท โดยบริษัทฯและบริษัทในเครือมีเงินกู้ยืม
ระยะยาวเพิ่มขึ้น 142.16 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินกู้ยืมของบริษัทฯเพื่อใช้ในการลงทุนโครงการคลังน้ำมันและ
โครงการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน จำนวน 90 ล้านบาท ในขณะที่ TARCO มีเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 47.69
ล้านบาท โดยเป็นการเบิกเงินกู้ในส่วนของเงินเหรียญสหรัฐจำนวน 0.58 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินบาท 30 ล้านบาท
ในขณะที่มีรายการกำไรที่ยังไม่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.26 ล้านบาท จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ส่งผลให้เงินกู้
ยืมระยะยาวทางบัญชีของ TARCO ลดลง นอกจากนี้เป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2548
เป็นจำนวน 157.25 ล้านบาท
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มีจำนวน 5,566.28 ล้าน
บาท ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน 3,251.14 ล้านบาท และเป็นงาน
ระหว่างก่อสร้างและอุปกรณ์ของ TARCO จำนวน 1,636.91 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 675.47 ล้านบาท
2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุนเมื่อเดือนสิงหาคม
2546 ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้านบาท และตัดจำหน่ายตามอายุ
สัมปทาน เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยจะเริ่มตัดจำหน่ายเมื่อ TARCO เปิดให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 4,317.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.38
ล้านบาท หรือร้อยละ 1.59 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2549 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.72 ต่อ 1
เท่า โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 40.48 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 30.67
ล้านบาท ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ค่าผ่านท่อ (airport concession fee) ที่บริษัทฯเรียกเก็บจากลูกค้าผู้ใช้บริการเติมน้ำมัน
อากาศยาน เพื่อส่งมอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และเจ้าหนี้การค้าอื่นๆจำนวน 9.81 ล้านบาท
2.2.2 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 146.95 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ค้างจ่ายจำนวน 55.37 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 64.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯ
และบริษัทในเครือเป็นส่วนใหญ่ โดยหนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา 80.20 ล้านบาท
2.2.3 เงินประกันผลงานจำนวน 357.67 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินประกันผลงานของบริษัทฯจำนวน 195.81
ล้านบาท TARCO จำนวน 112.52 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 49.34 ล้านบาท
2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,488.95 ล้านบาท (รวมส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจาก
ธนาคารที่ถึงกำหนดภายในหนึ่งปี) ประกอบด้วย
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 800 ล้านบาท อายุสัญญา 7 ปี นับจากปี
2547 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี โดยบริษัทฯมีกำหนดชำระคืนเงินต้นงวด
แรกจำนวน 88.89 ล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,720 ล้านบาท จากวงเงินกู้รวม 2,000
ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.25% ระยะเวลา
ปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO เพื่อใช้ในการลงทุนสร้าง Hydrant จำนวน 1,036.64 ล้านบาท ซึ่งเป็น
เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยLibor + 1.75%
และ 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75% อายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2545 ระยะ
เวลาปลอดการชำระเงินต้น 5 ปี นอกจากนี้ TARCO ได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมจาก BBL อีก 300 ล้านบาท อัตรา
ดอกเบี้ย MLR - 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม
2549 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR - 1.5% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 4 ปี อายุสัญญาประมาณ 8 ปี ทั้งนี้
เงินกู้ส่วนเพิ่มนี้ จะนำไปลงทุนในการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำมันส่วนต่อขยายตามที่ AOT เพิ่มเติมจากแผนงานเดิม
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ? สุวรรณภูมิ
จำนวน 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 120 ล้านบาท ที่อัตรา
ดอกเบี้ย MLR ? 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548
จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR - 1% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้นถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2550 อายุสัญญา
ประมาณ 7 ปี โดยอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2549 อยู่ที่ MLR - 2.25%
เมื่อบริษัทฯกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินครบจำนวนแล้ว จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯเพิ่มขึ้น
มาก อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีนโยบายที่จะดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าวไม่ให้เกิน 2 ต่อ 1 เท่า เพื่อรักษาความ
มั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทฯ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังการเปิดให้บริการที่
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,507.32 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี
2549 จำนวน 56.73 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำไรจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯจำนวน 101.06 ล้านบาท
ในขณะที่จ่ายเงินปันผลออกไปเป็นจำนวน 157.25 ล้านบาท
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทฯมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท
และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้องบังคับชำระหนี้
ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำ
ทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิดชดใช้ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ
TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 จำนวน 1.50 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน
2.99 ล้านบาทและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 4.26 ล้านบาท ทำให้ TARCO มีผลขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 30
มิถุนายน 2549 เป็นจำนวน 24.80 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2549 TARCO มีภาระหนี้สินสกุลเงินบาท
จำนวน 730 ล้านบาทและหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน TARCO มีทุนจดทะเบียนและ
ทุนเรียกชำระแล้ว 530 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ตามสัดส่วนการถือหุ้น
ในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระ สำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาว 120 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2549
JP-One มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 1.41 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ยรับ 0.15 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการ
บริหารจำนวน 1.57 ล้านบาท ทำให้ JP-One มีขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน 10.12 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน JP-One มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ