หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัท
คณะกรรมการบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจ โดยยึดถือปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นโยบายบริหารกิจการที่ดีและจรรยาบรรณธุรกิจ โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำพาบริษัทให้บรรลุเป้าหมาย และเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสร้างความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ในปัจจุบัน คณะกรรมการบริษัทได้นำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 (CG CODE) ทั้ง 8 หลักปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาปรับใช้ตามบริบททางธุรกิจของบริษัทแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 5 หมวด ซึ่งประกอบด้วย

1. การปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้น

2. การประชุมผู้ถือหุ้น

3. การส่งหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นล่วงหน้า
- วาระการแต่งตั้งคณะกรรมการ: บริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถเลือกกรรมการเป็นรายบุคคล โดยได้ให้รายละเอียด ชื่อ-นามสกุล อายุ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน จำนวนบริษัทที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ แยกเป็นบริษัทจดทะเบียน และบริษัททั่วไป หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา ประเภทของกรรมการที่เสนอ ข้อมูลการเข้าร่วมประชุม และจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง กรณีเสนอแต่งตั้งกรรมการรายเดิม โดยการเสนอแต่งตั้งดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยคณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล
- วาระค่าตอบแทนกรรมการ: บริษัทได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ และจำนวนเงินค่าตอบแทน รวมทั้งนโยบายและหลักเกณฑ์การพิจารณาค่าตอบแทนกรรมการที่ได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน
- วาระการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี: บริษัทได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้สอบบัญชี สำนักงานสอบบัญชี ประสบการณ์ความสามารถของผู้สอบบัญชี ความเป็นอิสระ ค่าตอบแทน จำนวนปีที่ทำหน้าที่ให้บริษัท (กรณีแต่งตั้งผู้สอบบัญชีรายเดิม) หรือเหตุผลของการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี (กรณีแต่งตั้งผู้สอบบัญชีรายใหม่) วิธีการพิจารณาความเหมาะสมของค่าตอบแทน ซึ่งได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยคณะกรรมการตรวจสอบ
- วาระการจัดสรรกำไรและการจ่ายเงินปันผล: บริษัทได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการจัดสรรกำไรและเงินทุนสำรอง จำนวนเงินปันผล พร้อมเหตุผลและข้อมูลประกอบ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล นอกจากนี้ ยังได้แจ้งวันกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) โดยการเสนอเรื่องดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน

4. การอำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือหุ้น

5. การดำเนินการประชุมผู้ถือหุ้น
6. การดำเนินการหลังการประชุมผู้ถือหุ้น

บริษัทให้ความสำคัญและดูแลให้มีการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นทุกรายอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม โดยได้ดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้
1. การเสนอเพิ่มวาระการประชุมและเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ
บริษัทมีนโยบายอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้นในการเสนอเพิ่มวาระการประชุมล่วงหน้า รวมทั้งเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ซึ่งได้มีการเผยแพร่ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งบริษัทได้เปิดโอกาสให้แก่ผู้ถือหุ้นเสนอวาระและชื่อกรรมการพร้อมข้อมูลประกอบการพิจารณา ล่วงหน้าเป็นเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นรายเดียวหรือหลายรายรวมกันซึ่งถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.05 สามารถเสนอวาระและชื่อกรรมการได้ ซึ่งสัดส่วนที่กำหนดดังกล่าวเป็นสัดส่วนที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้นมากกว่าข้อกำหนดของกฎหมายที่กำหนดว่าผู้ถือหุ้นรายเดียวหรือหลายรายซึ่งถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 สามารถเสนอวาระการประชุมได้ สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ไม่มีผู้ถือหุ้นเสนอรายชื่อกรรมการและเสนอวาระ
2. การมอบฉันทะในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น
ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ บริษัทได้เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมอบฉันทะให้บุคคลอื่น กรรมการอิสระ หรือกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เข้าร่วมประชุมแทน โดยจัดส่งหนังสือมอบฉันทะในรูปแบบที่ผู้ถือหุ้นกำหนดทิศทางการลงคะแนนได้ (แบบ ข.) รวมทั้งได้ระบุเกี่ยวกับเอกสารประกอบการมอบฉันทะ และคำแนะนำขั้นตอนในการมอบฉันทะไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นขั้นตอนโดยทั่วไปที่ไม่ยุ่งยากต่อการปฏิบัติ

3. มาตรการป้องกันการใช้ข้อมูลภายในของบริษัทและความขัดแย้งทางผลประโยชน์
บริษัทมีนโยบายป้องกันการใช้ข้อมูลภายในของบริษัท เพื่อป้องกันกรณีที่กรรมการและผู้บริหารใช้ข้อมูลภายในเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นในทางมิชอบ ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นอื่น เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์โดยไร้ข้อมูลภายใน การนำข้อมูลภายในไปเปิดเผยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกรรมการและผู้บริหาร ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ถือหุ้นโดยรวม เป็นต้น โดยได้มีการกำหนดเรื่องการรักษาผลประโยชน์และความลับของบริษัทไว้ในคู่มือนโยบายและระเบียบข้อบังคับของบริษัท และกำหนดเรื่องการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบริษัท การใช้ข้อมูลภายใน และความขัดแย้งทางผลประโยชน์ไว้ในจรรยาบรรณธุรกิจ รวมทั้งกำหนดบทลงโทษกรณีที่พนักงานฝ่าฝืนอีกด้วย โดยกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานได้ลงนามรับทราบถึงข้อกำหนดดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทกำหนดมิให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทก่อนการประกาศแจ้งข่าวงบการเงินแต่ละไตรมาส อย่างน้อย 30 วัน และ 1 วันหลังจากเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของบริษัทของกรรมการและผู้บริหาร บริษัทได้แจ้งให้กรรมการและผู้บริหารรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ พ.ศ. 2535 และได้บรรจุวาระเรื่องการถือครองหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของกรรมการและผู้บริหารไว้ในการประชุมคณะกรรมการบริษัททุกครั้ง รวมทั้งมีการเปิดเผยการถือครองหลักทรัพย์ไว้ในแบบ 56-1 One Report
นอกจากนี้ สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของพนักงานที่ใกล้ชิดกับข้อมูลของบริษัท บริษัทได้กำหนดระเบียบให้พนักงานดังกล่าวต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของบริษัท ภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่เกิดรายการ และได้บรรจุวาระไว้ในการประชุมฝ่ายบริหารทุกเดือน

1. การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ
บริษัทมีการปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ได้แก่ พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจและคู่แข่ง ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เจ้าหนี้และสถาบันการเงิน ผู้กำกับดูแลและภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดแนวทางการปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในนโยบายบริหารกิจการที่ดีและจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท ซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการปฏิบัติตามแนวนโยบายดังกล่าว โดยมีการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้
พนักงาน: บริษัทให้ความสำคัญแก่พนักงาน โดยถือว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญของบริษัทที่มีผลต่อความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น บริษัทจึงมีนโยบายและแนวปฏิบัติต่อพนักงาน โดยบริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม ให้ความเคารพและไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพการทำงานระดับมืออาชีพ และได้รับคุณภาพชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข โดยคำนึงถึงความเสมอภาคและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มีจริยธรรม ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยมีการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้
-
การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมและการรวมกลุ่มเจรจาต่อรองสิทธิประโยชน์ของพนักงาน
บริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติต่อพนักงานทุกระดับโดยเท่าเทียมกัน ไม่มีข้อยกเว้น ให้ความเป็นธรรม โดยมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่ชัดเจน โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัททั้งระยะสั้นและระยะยาว บริษัทมีการจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการบริษัท (กสบ.) ซึ่งประกอบไปด้วยฝ่ายบริหารและพนักงาน เพื่อหารือ ให้คำปรึกษา เสนอแนะข้อคิดเห็นและแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับพนักงาน โดยเฉพาะต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน โดยเฉพาะการโอนย้ายพนักงาน การฝึกอบรมพนักงานทุกกลุ่มให้มีการพัฒนาทักษะและความสามารถให้เป็นมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่งเสริมพัฒนาความสามารถของพนักงานเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ เสริมสร้างความมั่นคง และสนับสนุนให้พนักงานปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย
-
การจ้างงาน/เลิกจ้าง
บริษัทมีนโยบายการจ้างงานภายใต้ข้อตกลงการจ้างที่เป็นไปตามกฎหมาย โดยให้โอกาสไม่เลือกปฏิบัติหรือกีดกันในเรื่องเพศ เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ภาษา หรือเผ่าพันธุ์ ให้ความเป็นธรรมและปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน การบรรจุแต่งตั้งตามลักษณะการปฏิบัติงานที่หลากหลาย รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานโดยเคร่งครัดในเรื่องการจ้าง คำจ้าง ชั่วโมงทำงาน และเงื่อนไขต่าง ๆ เกี่ยวกับการจ้าง นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายเลิกจ้าง รวมถึงการเกษียณอายุงาน และการจ่ายค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ โดยปฏิบัติสอดคล้องตามกฎหมาย
-
นโยบายการส่งเสริมผู้พิการ
บริษัทให้ความสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมอาชีพและคุ้มครองการมีงานทำของคนพิการ เพื่อให้คนพิการได้มีโอกาสใช้ความสามารถ มีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองและลดภาระของครอบครัว ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยนำส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามมาตรา 34 จำนวนคนพิการที่ต้องรับเข้าทำงานตามอัตราส่วน (100:1) จำนวน 5 คน ตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการ
-
การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการ
บริษัทมีการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่พนักงาน โดยมีการกำหนดนโยบายค่าตอบแทนพนักงานที่ชัดเจน โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานตาม Balanced Scorecard ที่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการจัดการภายใน และด้านการเรียนรู้และพัฒนา รวมทั้งมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับค่าตอบแทนและสวัสดิการของพนักงานที่ชัดเจน ให้ผลตอบแทนและสวัสดิการอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจเป็นหลัก เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาระของพนักงาน โดยจัดให้มีค่ารักษาพยาบาล****นอกเวลา(OPD) ของผู้อยู่ในอุปการะของพนักงาน การทำประกันชีวิต การทำประกันอุบัติเหตุและสุขภาพให้แก่พนักงานและผู้อยู่ในอุปการะของพนักงาน เครื่องแบบพนักงานสำหรับพนักงานด้านปฏิบัติการ เงินสมทบประกันสังคมส่วนของบริษัท รถรับส่งพนักงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานระหว่างพื้นที่ เงินช่วยเหลือภาระดอกเบี้ยกู้เพื่อที่อยู่อาศัย ได้แก่ เงินเดือน โครงการผลประโยชน์เมื่อออกจากงาน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมทั้งสวัสดิการอื่น ๆ ให้แก่พนักงาน
ทั้งนี้ ในปี 2567 พนักงานได้รับค่าตอบแทนรวมเป็นเงิน 635,665,058.63 บาท
สัดส่วนค่าตอบแทนพนักงานหญิงต่อพนักงานชาย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567)
ความหลากหลายทางเพศและการตอบแทนพนักงานที่เท่าเทียมกัน จำนวนพนักงานเพศหญิง 133 คน คิดเป็นร้อยละ 24.31 ของพนักงานทั้งหมด จำนวนเพศหญิงระดับผู้บริหาร 10 คน คิดเป็นร้อยละ 41.67 ของผู้บริหารทั้งหมด จำนวนเพศหญิงระดับปฏิบัติการ 123 คน คิดเป็นร้อยละ 23.52 ของพนักงานในระดับเดียวกัน ปี 2567 อัตราส่วนค่าตอบแทนพนักงานเพศหญิงต่อพนักงานเพศชาย 24:76 -
การส่งเสริมช่องทางการออมเงินและสร้างหลักประกันทางการเงินสำหรับพนักงาน
การส่งเสริมช่องทางการออมเงินและสร้างหลักประกันทางการเงินสำหรับพนักงาน บริษัทได้สร้างหลักประกันทางการเงินสำหรับพนักงานเมื่อต้องออกจากงานหรือเกษียณอายุ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พนักงานพึ่งพาตนเองด้านการเงินในระยะยาวได้ โดยในปี 2567 บริษัทจ่ายเงินสมทบตามอายุการทำงานของพนักงานเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพจำนวน 40.47 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนพนักงานเข้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่อเทียบกับพนักงานทั้งหมดมีสัดส่วนดังนี้
จำนวนพนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : 517 คน
สัดส่วนพนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยง/ พนักงานทั้งหมด : 94.34%
-
การพัฒนาและฝึกอบรมพนักงาน
-
นโยบายในการพัฒนาพนักงาน
บริษัทตระหนักดีว่าในการดำเนินธุรกิจของบริษัทให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนนั้น บุคลากรที่มีศักยภาพคือปัจจัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อยกระดับศักยภาพและเตรียมความพร้อมของบุคลากรที่มีศักยภาพสูง (Talents) ในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้สืบทอดตำแหน่งงาน (Successors) ในตำแหน่งบริหารระดับสูงและในตำแหน่งสำคัญของธุรกิจองค์กร เพื่อรองรับในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีการเกษียณล่วงหน้า
บริษัทมีการวางแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพบุคลากรของทั้ง BAFS Group ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยแผนกลยุทธ์ที่ได้ถูกถอดมาจาก:
- กลยุทธ์ระยะยาวขององค์กร
- ค่านิยมขององค์กร "GROUP"
- BAFS Group Leadership Competencies
- การศึกษาแนวโน้มทิศทางในอนาคตของโลกในมิติต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านศักยภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรที่แตกต่างกันในแต่ละธุรกิจ
เพื่อให้แผนกลยุทธ์ด้านการพัฒนาและยกระดับศักยภาพบุคลากรของ BAFS Group เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้มีการจัดกลุ่มสำหรับการพัฒนาบุคลากรออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่:
- บุคลากรผู้สืบทอดตำแหน่งบริหารระดับสูงและตำแหน่งสำคัญขององค์กร (Successors)
- พนักงานที่มีศักยภาพสูง (Talents)
- พนักงานทุกระดับขององค์กร นอกเหนือจาก 2 กลุ่มแรก
บริษัทมีแนวทาง ขั้นตอน และกระบวนการสรรหาและคัดเลือกที่ชัดเจนและโปร่งใสในทุกตำแหน่ง โดยได้กำหนดคุณลักษณะและสมรรถนะที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน (Leadership Competencies) ของบุคลากรของบริษัทไว้ดังนี้:
- การขับเคลื่อนธุรกิจเชิงรุกด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใส (Business Driver)
- ยึดมั่น มุ่งมั่น พร้อมรับมือกับความท้าทายและพาทีมเติบโตจากวิกฤติ (Arin)
- มีวิสัยทัศน์ มุ่งมั่นพัฒนาและเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด (Exponential Mindset)
- สนับสนุนและผลักดันการเปลี่ยนแปลง (Facilitating Change)
- เป็นผู้นำที่ใส่ใจทีม สร้างความเชื่อใจ รับฟัง เคารพ และสนับสนุนความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน (Servant Leadership)
- การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partnerships & Relationships)
สำหรับแนวทางสรรหา คัดเลือก และพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งสำคัญของ BAFS Group (BAFS Group Succession Planning and Development) โดยมีรายละเอียดปรากฏตามหัวข้อ 12. แผนสืบทอดตำแหน่งงาน (Succession Plan)
-
การฝึกอบรมพนักงาน
ด้วยกลยุทธ์ Reimagining the Future of Work for Human Empowerment ขององค์กรและพันธกิจของบริษัท ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพการทำงานระดับมืออาชีพ และได้รับคุณภาพชีวิตการทำงานอย่างมีความสุข โดยคำนึงถึงความเสมอภาคและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์สำหรับพนักงาน
สถาบันฝึกอบรมกลุ่มบริษัท (BAFS Group Academy) จึงมุ่งเน้นพัฒนาให้พนักงานมีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่พนักงาน เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน โดยการปฐมนิเทศ เรียนรู้ค่านิยมองค์การ การอบรมด้านจรรยาบรรณธุรกิจ ความปลอดภัยและระบบคุณภาพ ตลอดจนความรู้เบื้องต้นในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในงานและเข้ารับการฝึกอบรมขณะปฏิบัติงาน (On the Job Training) ในหน่วยงานที่สังกัด ตลอดจนทบทวนความรู้และทักษะให้แก่พนักงานอย่างสม่ำเสมอทุกปีตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานในองค์กร ประกอบกับการวางแผนการฝึกอบรมให้แก่พนักงานอย่างเป็นระบบ เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลและความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้แก่องค์กรทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่พนักงานจะต้องมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญรอบด้าน ให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อให้พนักงานได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในปัจจุบันและอนาคต ทั้งในรูปแบบ Onsite และรูปแบบ Online โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการฝึกอบรมอย่างเหมาะสม
แบ่งตามเพศ
- พนักงานหญิง 133 คน ชั่วโมงฝึกอบรมเท่ากับ 7,491.50 ชั่วโมง เฉลี่ยเป็น 56.33 ชั่วโมง/คน
- พนักงานชาย 414 คน ชั่วโมงฝึกอบรมเท่ากับ 22,994 ชั่วโมง เฉลี่ยเป็น 55.54.96 ชั่วโมง/คน
แบ่งตามประเภทของการปฏิบัติงาน
- พนักงานด้านปฏิบัติการ 378 คน ชั่วโมงฝึกอบรมเท่ากับ 22,344 ชั่วโมง เฉลี่ยเป็น 59.11 ชั่วโมง/คน
- พนักงานด้านสนับสนุ 169 คน ชั่วโมงฝึกอบรมเท่ากับ 8,141.50 ชั่วโมง เฉลี่ยเป็น 48.17 ชั่วโมง/คน
สถาบันฝึกอบรมกลุ่มบริษัทจัดทำแผนงานตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Procedure) เรื่อง การสำรวจวางแผนและการฝึกอบรมพนักงานเพื่อกำหนดแผนการฝึกอบรมประจำปีของพนักงาน สำหรับหน้างานทุกกลุ่มให้มีการพัฒนาทักษะและความสามารถให้เป็นมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง และรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างทันท่วงที โดยดำเนินการพัฒนาพนักงานตามแผนที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในการอบรมและพัฒนา เช่น Classroom Training, Workshop, Virtual Training, Self-Learning เป็นต้น โดยมีกรอบการพัฒนาตามหลักสูตรต่าง ๆ ดังนี้
- หลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับแผนทบทวนการปฏิบัติงานด้านปฏิบัติการ ได้แก่ การทบทวนความรู้ด้านความปลอดภัยและควบคุมคุณภาพน้ำมันอากาศยาน การทบทวนการปฏิบัติงานด้านบริการจัดเก็บน้ำมันอากาศยาน การทบทวนการปฏิบัติงานด้านบริการเติมน้ำมันอากาศยาน และการทบทวนการปฏิบัติงานด้านซ่อมบำรุงอุปกรณ์เติมน้ำมันอากาศยาน เพื่อเน้นย้ำให้พนักงานเกิดความรู้ความเข้าใจ พัฒนาทักษะการทำงาน รวมทั้งอัปเดตข้อกำหนดกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานปฏิบัติงานด้วยความเป็นมืออาชีพทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัย
- หลักสูตรการอบรมที่พิจารณาจากแผนกลยุทธ์องค์กร ได้แก่ Leadership Development Program, การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะรวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องที่สำคัญตามทิศทางของกลยุทธ์องค์กร
- หลักสูตรการอบรมสำหรับระบบการจัดการของบริษัท ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับระบบคุณภาพสำหรับพนักงานทั้งองค์กร ความรู้เกี่ยวกับการเป็นผู้ตรวจติดตามภายในสำหรับระบบคุณภาพต่าง ๆ เช่น ISO 9001, ISO 22301, OHSAS 18001, ISO 45001 เป็นต้น
- หลักสูตรการฝึกอบรมตามกฎหมายอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน หลักการยศาสตร์เพื่อการทำงานอย่างปลอดภัย การอบรมดับเพลิงขั้นต้น (Fire Drill) การฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ การฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า
- การฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานบนที่สูง การฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานกับปั้นจั่น การฝึกซ้อมตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินประจำปี (Full Scale Fire Exercise) และการให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการความปลอดภัย รวมทั้งการอบรมด้านการปฐมพยาบาล ฝึกการทำ CPR (Cardiopulmonary Resuscitation) และใช้เครื่อง AED (Automated External Defibrillator) เป็นต้น เพื่อสอดคล้องกับกฎหมายและเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับแผนฉุกเฉินและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจของบริษัท
-
การติดตามผลการฝึกอบรม
บริษัทมุ่งเน้นผลลัพธ์ของการพัฒนาความรู้ ทักษะงานด้านปฏิบัติการ และด้านความปลอดภัยให้แก่พนักงาน โดยกำหนดให้มีการติดตามผลการอบรมไว้ในแผนฝึกอบรมภายในประจำปี 2567 ดังนี้
ตัวอย่างหลักสูตร วัตถุประสงค์ ผลลัพธ์จากการอบรม หลักสูตรทบทวนการปฏิบัติงานด้านการควบคุมคุณภาพน้ำมันอากาศยาน เพื่อให้พนักงานทราบและเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติการปฏิบัติการควบคุมน้ำมันอากาศยานอย่างถูกต้องตามข้อกำหนดมาตรฐานสากล ผู้เข้าอบรมมีคะแนนความรู้ความเข้าใจโดยเฉลี่ยร้อยละ 94.40 หลักสูตรทบทวนการปฏิบัติงานด้านการปลอดภัยในกสนทำงาน เพื่อให้พนักงานทราบและเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบของบริษํทและระเบียนของท่าอากาศยานและตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงานตลอดเวลา ผู้เข้าอบรมมีคะแนนความรู้ความเข้าใจโดยเฉลี่ยร้อยละ 94.40 -
การบริหารจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้
บริษัทก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยส่งเสริมและผลักดันให้พนักงานต่อยอดองค์ความรู้โดยแบ่งปันและแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ระหว่างผู้บริหารและพนักงานในกลุ่มบริษัท เช่น ผู้บริหารทุกคนรวบรวมเกร็ดความรู้มาแบ่งปันให้แก่พนักงาน บุคลากรใน BAFS Group Academy เป็นโค้ชฝึกทักษะการเป็นวิทยากรภายในและพัฒนาบุคลิกภาพเบื้องต้นให้แก่พนักงาน
ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสอนงาน และสอนวิธีการปฐมพยาบาล ฝึกการทำ CPR และการใช้เครื่อง AED ให้แก่พนักงานกลุ่มบริษัท ตลอดจนบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะพนักงานที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้เป็นวิทยากรฝึกอบรมแก่บุคคลและหน่วยงานภายนอก ภายใต้การดูแลของ BAFS Group Academy ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้จากงานบริการฝึกอบรมให้แก่องค์กร เช่น หลักสูตรการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพน้ำมันอากาศยาน การให้บริการน้ำมันอากาศยาน การดับเพลิงชั้นต้น การดับเพลิงและอพยพหนีไฟ การสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยด้วยกิจกรรม KYT (Kiken Yoshi Training) เป็นต้น ซึ่งพนักงานที่ทำหน้าที่วิทยากรจะได้รับค่าตอบแทนพิเศษ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานพัฒนาศักยภาพตนเองเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการฝึกอบรมประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้เป็นศูนย์ประสานงานและให้บริการสถานที่และอุปกรณ์ในการฝึกอบรมด้านงานให้บริการน้ำมันอากาศยานอย่างครบวงจร เช่น Joint Inspection Group (JIG), IATA Fuel Quality Pool (IFQP), Hansaconsult Projects, Skypec, CantrumAir เป็นต้น ด้วยความเป็นมืออาชีพ บริษัทจึงได้รับการยอมรับและได้รับการคัดเลือกจาก JIG และ IFQP ให้เป็น Training Partner สำหรับการเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านงานให้บริการน้ำมันอากาศยานเพียงแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียน
ด้วยศักยภาพดังกล่าว บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะบริหารจัดการความรู้และพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริการพลังงาน เพิ่มพูนศักยภาพของบุคลากรและเพิ่มความพร้อมด้านสถานที่และอุปกรณ์ในการฝึกอบรมด้านงานให้บริการน้ำมันอากาศยานอย่างครบวงจร (Fuel Facilities) เพื่อส่งมอบความรู้และคุณค่าของมาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยให้แก่ผู้รับบริการด้วยความเป็นมืออาชีพอย่างต่อเนื่องต่อไป
-
-
การส่งเสริมความผูกพันและการรักษาพนักงาน
บริษัทให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลากรซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ เรามุ่งมั่นส่งเสริมและสร้างความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน โดยเน้นให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุข ทั้งทางกายและใจ รวมทั้งสนุกกับการทำงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากร และจูงใจให้พนักงานทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เราดำเนินการสำรวจความพึงพอใจในการทำงานและความผูกพันต่อองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2567 บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนข้อคำถามแบบใหม่ให้มีความเจาะจงมากขึ้น ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนข้อคำถามเพื่อให้สามารถนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์แนวทางในการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลในปี 2567 พบว่าผลสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานอยู่ในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 79.56 แม้ว่าผลการสำรวจจะอยู่ในระดับสูงแต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ 80 ที่ได้กำหนดไว้ ดังนั้นบริษัทจึงวางแผนตอบสนองด้วยการวิเคราะห์หัวข้อที่มีคะแนนต่ำสุดโดยจัดทำ Focus Group เพื่อค้นหาสาเหตุ และนำผลลัพธ์ที่ได้มาปรับปรุงและพัฒนาต่อไปอย่างเหมาะสม
ถึงแม้ว่าผลการสำรวจในปี 2567 จะพบว่าความพึงพอใจและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานจะอยู่ในระดับสูง บริษัทยังคงหาแนวทางในการดูแลพนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อนโยบายจากกรรมการสวัสดิการบริษัท (กสบ.) ในเชิงรุกและเป็นรูปธรรม รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากพนักงานทุกระดับ ทุกฝ่าย เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ แก้ไข และสื่อสารในการประชุม Town Hall เพื่อให้พนักงานรับทราบต่อไป
ปี 2567 ผลสำรวจความพึงพอใจและความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน ความพึงพอใจอยู่ใน "ระดับสูง" คิดเป็น ร้อยละ 79.56
นอกจากนี้ บริษัทได้ส่งเสริมและให้ความสำคัญกับพนักงานทั้งทางกายและใจเพื่อสร้างความผูกพันต่อองค์กรกับพนักงานอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
- จัดให้มีการสื่อสารแบบ 2 ทางระหว่างผู้บริหารและพนักงานในรูปแบบการประชุม Town Hall ในไตรมาสที่ 1 และ 3 ของทุกปี ซึ่งก่อนจะมีการประชุม Town Hall คณะทำงานขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ จะพบพนักงานเพื่อนำข้อมูลที่พนักงานได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะนำมาพูดคุยและซักถามประเด็นที่สงสัยต ่าง ๆ
- จัดกิจกรรมรณรงค์สื่อสารค่านิยมองค์กรกับทุกฝ่ายเพื่อให้พนักงานตระหนักและให้ความสำคัญกับการสร้างพฤติกรรมที่สอดคล้องกับค่านิยมองค์กรเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ดีและยั่งยืน อีกทั้งจะช่วยให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
- บริษัทส่งเสริมในการสร้างแรงจูงใจและการมอบรางวัลให้กับพนักงานที่ได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานภายนอกเพื่อเป็นการย้ำ ส่งเสริมในเรื่องให้พนักงานมีพฤติกรรมส่งเสริมกับค่านิยมองค์กรของบริษัท
- บริษัทได้จัดให้มีการจัดงานปีใหม่ของบริษัท ซึ่งเป็นปีแรกในการจัดงานหลังจากบริษัทได้เผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 โดยการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคี และเป็นการแสดงความขอบคุณต่อความทุ่มเทของพนักงานตลอดปีที่ผ่านมา รวมถึงสร้างแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในองค์กร อีกทั้งเป็นโอกาสในการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความสุขและความเป็นกันเอง รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและผู้บริหารผ่านบรรยากาศที่สนุกสนาน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจและความจงรักภักดีที่ยั่งยืนต่องค์กร
- บริษัทจัดกิจกรรม Happy Hour และกิจกรรมตามเทศกาลต่าง ๆ อาทิเช่น กิจกรรม Valentine, Halloween และ Christmas เพื่อให้พนักงานทุกฝ่ายสามารถเข้าร่วมกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานและสร้างความสนุกสนานร่วมกัน
- จัดกิจกรรม GROUP DAY เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานกลุ่มบริษัทได้พบปะ สังสรรค์ เป็นการส่งเสริมการสร้างสัมพันธ์อันดีและการทำงานเป็นทีมระหว่างพนักงาน BAFS Group
- ส่งเสริมและรณรงค์ให้พนักงานดูแลสุขภาพตนเอง โดยจัดเตรียม ครูฝึก สถานที่และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานสามารถออกกำลังกายได้ตามรูปแบบที่พนักงานต้องการ
- จัดกิจกรรม Mental Health Fair 2024 เพื่อส่งเสริมให้พนักงานดูแลสุขภาพจิต สุขภาพใจ และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตและวิธีการดูแลสุขภาพจิต อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการจัดการความเครียดและการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
- บริษัทจัดให้มีนักจิตวิทยามาประจำในพื้นที่บริษัท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพจิต สุขภาพใจและความเป็นอยู่ที่ดี โดยคอยให้คำปรึกษาและรับฟังรวมทั้งช่วยในการจัดการความเครียดและปัญหาส่วนตัวของพนักงานเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ดีและเป็นมิตร ซึ่งส่งผลให้พนักงานรู้สึกมีความสุขและผูกพันกับองค์กร ลดอัตราการลาออกของพนักงานเนื่องจากพนักงานรู้สึกว่าองค์กรใส่ใจและให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพวกเขา
จากกิจกรรมส่งเสริมความผูกพันต่อองค์กรของพนักงานที่บริษัทได้ดำเนินการ และบริษัทได้ทำการสำรวจความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ดังกล่าว โดยพบว่ามีพนักงานพึงพอใจกับการจัดกิจกรรมโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 92.50 สะท้อนถึงความสำเร็จขององค์กรในการสร้างกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการและความคาดหวังของพนักงาน โดยกิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแค่สร้างความสุขและความสนุกสนาน แต่ยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานและพนักงานกับองค์กร ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างความผูกพันในเชิงบวก พนักงานรู้สึกว่าได้รับการดูแลและใส่ใจจากองค์กร ทำให้เกิดความไว้วางใจและความผูกพันกับองค์กรที่มากขึ้น ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรกำลังดำเนินการในทิศทางที่ส่งเสริมความผูกพันและความสัมพันธ์อันดีที่ยั่งยืนกับพนักงาน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เพื่อส่งเสริมให้พนักงานเกิดทัศนคติที่ดี ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดความผูกพันต่องค์กร ส่งผลให้พนักงานร่วมมือร่วมใจกันช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
อัตราการลาออกของพนักงานปี 2567 ร้อยละ 4.39
ลูกค้า: บริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเอาใจใส่และรับผิดชอบต่อลูกค้า โดยมีการปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อลูกค้า ปฏิบัติต่อลูกค้าทุกรายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าโดยมุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดของผลิตภัณฑ์และบริการในระดับมาตรฐานสากล รวมถึงไม่เปิดเผยข้อมูลและความลับของลูกค้า โดยมีการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้
แนวทางและการดำเนินงานเกี่ยวกับการให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและสุขภาพอนามัย
บริษัทมุ่งมั่นให้บริการน้ำมันอากาศยานด้วยมาตรฐานสากลที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย โดยดำเนินการตามมาตรฐาน Aviation Fuel Quality Control and Operation Standards จาก Joint Inspection Group (JIG) ซึ่งถูกจัดทำขึ้นโดยองค์กรที่เป็นตัวแทนจากบริษัทน้ำมันชั้นนำของโลก และได้รับการรับรองจาก International Air Transport Association (ATA) รวมทั้งบริษัทได้รับการตรวจสอบการปฏิบัติงานจาก JIG Inspector ครอบคลุมถึงด้านข้อกำหนดและระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในเรื่องของมาตรฐานของระบบอุปกรณ์เติมน้ำมันอากาศยาน การควบคุมคุณภาพน้ำมันก่อนการจ่ายเข้าสู่อากาศยานเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องตามมาตรฐานและไม่มีสิ่งเจือปนที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้าและผู้ใช้บริการ
นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการในการเติมน้ำมันอากาศยานที่คำนึงถึงความปลอดภัยต่อลูกค้า รวมถึงสุขภาพของพนักงานและลูกจ้างทุกคน เนื่องจากเป็นลักษณะการให้บริการและรับบริการในเวลาเดียวกัน ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพตามมาตรฐานสากลและมีความปลอดภัย โดยยึดถือแนวทางปฏิบัติตามนโยบายคุณภาพ นโยบายความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และนโยบายการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ดังนี้
- บริษัทดำเนินธุรกิจการบริการเติมน้ำมันอากาศยานให้คุณภาพตามมาตรฐานสากล ตรงต่อเวลาและมีความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล โดยได้รับการรับรองระบบการให้บริการของบริษัทด้วยระบบบริหารคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001:2018
- ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับจัดเก็บ และให้บริการน้ำมันอากาศยาน ตระหนักถึงความสำคัญของ อาชีวอนามัย ความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในการดำเนินธุรกิจ โดยได้รับการรับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 45001:2018
- บริษัทมีแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจโดยกำหนดเป็นนโยบายการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ พร้อมทั้งการปักธงกันภัยคุกคามที่อาจส่งผลต่อการหยุดชะงักของกิจการ เกินกว่าระดับที่ยอมรับได้ ตลอดจนเพื่อให้มีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถฟื้นคืนกิจกรรมสำคัญให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด โดยได้รับการรับรองระบบบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจตามมาตรฐาน ISO 22301:2019
ทั้งนี้ การดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้ โดยมีรายละเอียดของระบบการบริหารการจัดการ เผยแพร่บนเว็บไซต์บริษัท https://www.bafsthai.com/th/management-system
นโยบายและแนวปฏิบัติเรื่องการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการ
บริษัทมีแนวปฏิบัติในเรื่องการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากการให้บริการแก่ลูกค้าบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นลูกค้าทางตรง ผ่านที่ประชุมคณะอนุกรรมการกิจการเชื้อเพลิง (Fueling Operations Committee: FOC) ประกอบด้วยผู้บริหารของบริษัทและผู้แทนจากบริษัทน้ำมันที่มีประสบการณ์ด้านน้ำมันอากาศยาน เป็นประจำทุกไตรมาสเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปรับปรุงกระบวนการบริการน้ำมันอากาศยานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดให้มีการตรวจสอบระบบปฏิบัติการให้บริการน้ำมันอากาศยานโดยกลุ่มผู้ตรวจสอบของบริษัทน้ำมัน (Joint Inspection Group: JIG) ปีละ 1 ครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าระบบปฏิบัติการของบริษัทเป็นไปตามมาตรฐานสากล
บริษัทให้ความสำคัญต่อการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทุกกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ตลอดจนรับฟังความคิดเห็น คำแนะนำของลูกค้า และข้อร้องเรียน โดยมีช่องทางการติดต่อสื่อสารดังนี้
เจ้าหน้าที่การตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ แผนกการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ สำนักงานใหญ่ สถานีบริการจัดเก็บน้ำมันอากาศยานดอนเมือง
ที่อยู่: 171/2 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
โทร: 02 834 8900 E-mail: Marketing@bafs.co.th Website: www.bafsthai.com
นอกจากนั้น บริษัทมีการปฏิบัติและรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยยึดถือจรรยาบรรณธุรกิจ ปฏิบัติตามกฎหมาย สัญญา ข้อตกลง ข้อกำหนด มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีต่อลูกค้า กรณีที่จะไม่สามารถปฏิบัติได้ ต้องรีบเจรจากับลูกค้าเป็นการล่วงหน้า เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริการอย่างครบถ้วน ถูกต้อง ทันต่อเหตุการณ์ และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง เปิดเผยเทคโนโลยีด้านการบริการผ่านเว็บไซต์ www.bafsai.com ดำเนินการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมการขายด้วยความรับผิดชอบ ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือใช้ประโยชน์จากความเข้าใจผิดของลูกค้า
นโยบายและแนวปฏิบัติเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลและการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอนุมัตินโยบายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทสำหรับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดการอบรมให้ความรู้แก่กรรมการและพนักงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ PDPA เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าว่าจะได้รับการดูแลสิทธิในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสอดคล้องตามที่กฎหมายกำหนดจากการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นในปีที่ผ่านมา บริษัทไม่มีกรณีหรือเหตุการณ์ที่ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยมีรายละเอียดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัท https://www.bafsthai.com/th/corporate-governance/policies
แผนการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
บริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเอาใจใส่และรับผิดชอบต่อลูกค้า โดยมีการปฏิบัติต่อลูกค้าทุกรายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าโดยมุ่งเน้นคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดของผลิตภัณฑ์และบริการในระดับมาตรฐานสากล รวมถึงไม่เปิดเผยข้อมูลและความลับของลูกค้า และเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า บริษัทจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ภายนอกบริษัท เช่น การเข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของบริษัท การจัดสัมมนา การเข้าพบลูกค้าอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 4 รายต่อเดือน เพื่อรับฟังข้อติชมอย่างสม่ำเสมอ การพบปะลูกค้าในเทศกาลต่าง ๆ เป็นต้น
การประเมินผลความพึงพอใจของลูกค้า
บริษัทได้จัดทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นความสำคัญในการนำผลความพึงพอใจมาพัฒนาและปรับปรุงการบริการ และกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการ ความคาดหวังของลูกค้าหรือผู้รับบริการได้อย่างดีเลิศ ในกรณีมีการร้องเรียนจากลูกค้าเกี่ยวกับการบริการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงด้านชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้า บริษัทจะดำเนินการภายในเพื่อปรับปรุงการบริการดังกล่าวโดยออกเอกสาร การปฏิบัติการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Request: CAR) เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของความบกพร่อง แนวทางปฏิบัติการแก้ไขความบกพร่อง และป้องกันความบกพร่องไม่ให้เกิดซ้ำ ทั้งนี้ การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลงานประจำปีของบริษัท (Corporate KPIs) ซึ่งมีเป้าหมายระดับความพึงพอใจที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 85 โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นบริษัทน้ำมันและสายการบิน
ภาพรวมของคะแนนระดับความพึงพอใจของลูกค้าประจำปี 2567 ได้คะแนนรวมเท่ากับ ร้อยละ 91 จัดอยู่ในเกณฑ์ระดับ "ดีเยี่ยม" ตามระบบการประเมินผลงานของบริษัท (Balanced Scorecard)
ผู้ถือหุ้น: ริษัทปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ถือหุ้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นธรรม ส่งมอบผลตอบแทนที่เหมาะสม สร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการบริหารตามหลักธรรมาภิบาล มีการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน สม่ำเสมอและครบถ้วน และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ รวมทั้งเสนอวาระหรือบุคคลเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการในการประชุมผู้ถือหุ้น
พันธมิตรทางธุรกิจและคู่แข่ง บริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติต่อพันธมิตรทางธุรกิจและคู่แข่ง โดยดำเนินธุรกิจร่วมกันตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี หลักกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทางการค้าอย่างเป็นธรรม รวมทั้งมุ่งสร้างความไว้วางใจและความร่วมมือที่ดีในระยะยาว
แนวปฏิบัติเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง บริษัทได้ปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อคู่ค้า Supplier/Contractor ทุกรายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่าย รวมทั้งไม่เรียก ไม่รับ หรือไม่ให้ผลประโยชน์ใด ๆ กับคู่ค้า โดยบริษัทได้กำหนดจรรยาบรรณสำหรับคู่ธุรกิจ เพื่อใช้เป็นแนวทางให้คู่ค้าปฏิบัติให้สอดคล้องตามจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท และบริษัทได้กำหนดนโยบาย JV Core Principle เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันการเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนไหว (Sensitive Information)
บริษัทได้กำหนดขั้นตอนและเกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้าอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม รวมทั้งต้องมีคุณสมบัติตามที่บริษัทกำหนด และสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนหรือกระบวนการตามที่บริษัทกำหนด สำหรับการคัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีแบบฟอร์มการคัดเลือก Supplier/Contractor และแบบประเมิน Supplier/Contractor อย่างเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ภายใต้หลักเกณฑ์ของบริษัท เช่น การคัดเลือกคู่ค้าที่มีระบบการจัดการ (ISO 9001, ISO 14001, ISO 22301, ISO 45001) อีกทั้งยังต้องพิจารณาถึงการมีตัวตนจริงในธุรกิจการค้า โดยสามารถตรวจสอบได้จากหนังสือรับรองของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และสำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ เป็นต้น ทั้งนี้ การประเมิน Supplier/Contractor จะพิจารณาเกณฑ์การประเมินที่ครอบคลุมทุกด้านประกอบด้วย ด้านคุณภาพ การส่งมอบ ด้านราคา การบริการ และด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย ตามบัญชีรายชื่อ Approved Supplier List (ASL) รวมถึงในกิจกรรมที่มีผลกระทบกับระบบการจัดการของบริษัท ด้วยศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามนโยบายจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนของบริษัท โดยคำนึงถึงราคา คุณภาพของสินค้าที่มีมาตรฐาน การส่งมอบสินค้าและบริการที่ตรงต่อเวลา
กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามหลักการ Green Procurement
บริษัทมีแผนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดซื้อสินค้าที่เป็นฉลากสีเขียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และมีการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน รวมถึงการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของคู่ค้า
แนวทางการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า
บริษัทได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพและความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน โดยได้จัดตั้งบริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด (BAFS INTECH: BI) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบ พัฒนา ผลิต ประกอบ จำหน่ายผลิตภัณฑ์และงานให้บริการที่เกี่ยวข้องกับรถเติมน้ำมันอากาศยาน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของ BI ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญรายหนึ่งของบริษัท โดยตั้งแต่ปี 2564 บริษัทได้มีการส่งเสริมศักยภาพแก่คู่ค้าด้วยการส่งพนักงานของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคไปยัง BI เพื่อถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนร่วมมือกับ BI เพื่อพัฒนารถบริการน้ำมันอากาศยานให้เป็นไปตามความต้องการของบริษัทและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ พนักงานผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว ยังให้การสนับสนุนในการปฏิบัติงานของ BI เพื่อให้สอดคล้องตามข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) ทั้งในระดับประเทศและสากล
จากการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา BI สามารถประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล (Diesel-Hydrant Dispenser) และขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% (EV-Hydrant Dispenser) เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์และงานให้บริการแก่บริษัทและลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีรายละเอียดของการดำเนินการต่าง ๆ ข้างต้น เผยแพร่บนเว็บไซต์ https://bafs-intech.co.th/th/ev-hydrant-dispenser/ และ https://shorturl.asia/QHtru
นโยบายและการปฏิบัติต่อคู่แข่ง
บริษัทได้ปฏิบัติต่อคู่แข่งภายใต้หลักปฏิบัติสากลและกรอบกติกาของการแข่งขันที่ดี โปร่งใส และไม่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม ไม่แสวงหาข้อมูลที่เป็นความลับของคู่แข่งด้วยวิธีการที่ไม่สุจริต หรือไม่เหมาะสม และไม่ทำลายชื่อเสียงของคู่แข่งด้วยการกล่าวหาในทางร้าย โดยปราศจากความจริง
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทไม่มีข้อพิพาทกับคู่แข่ง
สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมบริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยประกอบกิจการอย่างมีจริยธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนตามกรอบการพัฒนาความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนชุมชนเป้าหมายโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัท จำนวน 8 พื้นที่ ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ พิจิตร ลำปาง ปราจีนบุรี สมุทรสาคร ตาก และขอนแก่น และการสนับสนุนสังคมโดยรวมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ รวมทั้ง
การจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคมตามความต้องการและบริบทของชุมชนแต่ละพื้นที่ โดยแบ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการศึกษาของเยาวชน ส่งเสริมศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชน เชื่อมโยงและส่งเสริมให้ชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการสนับสนุน
หน่วยงานที่เสียสละในการทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม ทั้งนี้ บริษัทจะตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของบริษัท และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2567 ไม่ได้รับการร้องทุกข์จากชุมชนท้องถิ่นอย่างเป็นทางการ รวมถึง ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของบริษัท โดยมีรายละเอียดปรากฏตามหัวข้อ "การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน"
เจ้าหนี้และสถาบันการเงิน บริษัทสร้างความเชื่อมั่นโดยปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงที่มีต่อเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ค้ำประกัน และสถาบันการเงินอย่างเคร่งครัดและมีวินัยการเงินที่ดี ปฏิบัติตามสัญญา ข้อตกลง หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่มีต่อเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ค้ำประกัน และสถาบันการเงินอย่างเสมอภาค เคร่งครัด และเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องเงื่อนไขค้ำประกัน การบริหารเงินทุน และมาตรการป้องกันการผิดชำระหนี้กรณีที่จะไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ต้องรีบแจ้งเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ค้ำประกัน และสถาบันการเงิน เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย
ผู้กำกับดูแลและภาครัฐที่เกี่ยวข้อง บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อกำหนด ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ด้วยความรับผิดชอบ ถูกต้อง และโปร่งใส โดยดำเนินงานตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันทุกรูปแบบ และสนับสนุนในการปกป้องสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการสนับสนุนนโยบายเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศชาติ
ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดการละเมิดสิทธิต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งเกิดจากการกระทำของบริษัท บริษัทจะปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการลดหรือชดเชยผลกระทบในกรณีดังกล่าวด้วย
2. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน จึงได้กำหนดเป็น นโยบายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และมีการดำเนินงานตามมาตรฐานระบบการจัดการ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 ตลอดจนจัดให้มีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน และดำเนินการในเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล Joint Inspection Group (JIG) ดังนี้
- ควบคุม ปรับปรุง ป้องกัน และแก้ไขอันตรายจากการดำเนินงานของบริษัทที่มีระดับความเสี่ยงตั้งแต่ปานกลางขึ้นไป ซึ่งมีผลกระทบต่อพนักงาน ทรัพย์สินของบริษัท ชุมชน และสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนางานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง
- ปรับปรุงผลการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของบริษัท และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านความปลอดภัย เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของพนักงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของบริษัทในการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- พัฒนาพนักงานของบริษัท ให้มีความพร้อมด้านร่างกาย จิตใจ มีความรู้ ความตระหนัก และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งในงานและนอกงาน
- ให้การสนับสนุนทรัพยากรต่าง ๆ ในการดำเนินการตามระบบการจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- ให้การรักษาความปลอดภัยแก่ชีวิตพนักงาน ผู้ปฏิบัติงาน และทรัพย์สินในพื้นที่ความรับผิดชอบของบริษัท ตลอดจนทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ทันต่อสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ
จำนวนชั่วโมงการทำงานที่ไม่เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน
ในระหว่างวันที่ 9 กันยายน 2556 ถึง 31 ธันวาคม 2567
- ประมาณการเท่ากับ 11,037,400 ชั่วโมง-คน
- โดยบริษัทได้กำหนดเป้าหมาย ชั่วโมงความปลอดภัยที่ทำได้ 11,000,000 ชั่วโมง-คน
ซึ่งบรรลุเป้าหมาย โดยวันที่เกิดอุบัติเหตุล่าสุดคือ วันที่ 8 กันยายน 2556 ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการแก้ไขและป้องกันในเรื่องอุบัติเหตุดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
Safety and Occupational Health | Unit | 2024 | 2023 | 2022 | 2021 | 2020 | 2019 | 2018 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Lost Time Injury Frequency Rate (LTIFR) | Case(s) per 1 million man hours | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 |
Lost Time Injury Severity Rate (LTISR) | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | |
Injury Rate (IR) | 0 | 1.96* | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | |
Occupational disease Rate (ODR) | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | |
Lost day Rate (LDR) | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | |
Work-Related Fatalities (WF) | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 |
Note: *A minor injury occurred to an employee without resulting in any loss of workdays.
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสี่ยงความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน บริษัทได้นำระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (ISO 45001:2018) มาบริหารจัดการ ซึ่งสามารถช่วยควบคุมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างมาก
ในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น การตรวจสุขภาพประจำปีให้กับประชาชนในชุมชนโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติงานของบริษัท การตรวจประเมินเพื่อเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน การจัดกิจกรรม Big Cleaning Day การจัดอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น การอบรมสุขภาพอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน การศึกษาและทดสอบสมรรถภาพร่างกายในการทำงาน (Fitness For Work) การดับเพลิงขั้นต้น (Fire Drill) การซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟตามกฎหมายประจำปี การฝึกซ้อมตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินของบริษัท การฝึกซ้อมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ตลอดจนการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ให้กับพนักงาน การจัดโครงการรณรงค์ส่งเสริมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ การตรวจประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงานและคุณภาพน้ำดื่ม น้ำทิ้ง การประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพพนักงานเป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้การดับเพลิงขั้นต้น (Fire Drill) ให้กับนักเรียนในโรงเรียนรอบพื้นที่สถานีบริการจัดเก็บน้ำมันอากาศยานสุวรรณภูมิ และชุมชนรอบพื้นที่สถานีบริการจัดเก็บน้ำมันอากาศยานดอนเมืองอีกด้วย
ในปี 2567 บริษัทได้รับรางวัลที่สำคัญ ได้แก่ รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทำงานระดับประเทศ โดยได้รับรางวัลทั้งสามพื้นที่ ได้แก่ สถานีบริการจัดเก็บและเติมน้ำมันอากาศยานดอนเมือง (สำนักงานใหญ่) ได้รับรางวัลเป็นปีที่ 18 ติดต่อกัน สถานีบริการเติมน้ำมันอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับรางวัลเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน และสถานีบริการจัดเก็บน้ำมันสุวรรณภูมิได้รับรางวัลเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการตามระบบบริหารนิรภัยการบิน (Safety Management System: SMS) ซึ่งกำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และบริษัทได้ผ่านการรับรอง (Certified) ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001:2018 ในเดือนมิถุนายน 2567
อนึ่ง ในปี 2567 บริษัทได้รับรางวัลที่สำคัญด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยมีรายละเอียดปรากฏตามหัวข้อ "รางวัลแห่งความสำเร็จ ประจำปี 2567"
3. สิทธิมนุษยชน
บริษัทได้กำหนดนโยบายสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งแนวปฏิบัติในการดำเนินการต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้กำหนดไว้ในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัทอีกด้วย โดยกำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ปฏิบัติตาม โดยสรุปได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการกระทำและการมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงต้องไม่ละเลยหรือเพิกเฉยหากพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
- ไม่จ้างหรือใช้แรงงานเด็กในรูปแบบใดเด็ดขาด รวมถึงสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทานตระหนักถึงความสำคัญ เคารพ และปฏิบัติตามหลักสิทธิเด็กและการไม่ใช้แรงงานเด็ก
- พัฒนาและดำเนินการจัดการด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ของบริษัท โดยทุกหน่วยงานมีหน้าที่ระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของตน และสนับสนุนการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการระบุประเด็นหรือข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ประเมินผลกระทบ กำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ รวมทั้งมีกลไกในการเยียวยา บรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม
- จัดให้มีการตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านและสม่ำเสมอ
- มีการสื่อสารเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่อุปทานของบริษัท และมุ่งสร้างวัฒนธรรม องค์กรให้มีความตระหนักและดำเนินงานบนพื้นฐานการเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด
- จัดให้มีช่องทางการแจ้งเบาะแสหรือรับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบริษัท รวมทั้งมีกระบวนการจัดการข้อร้องเรียน โดยจะให้ความเป็นธรรม คุ้มครอง และรักษาความลับของบุคคลที่ร้องเรียนตามมาตรการคุ้มครองที่ระบุในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท
- ดำเนินการทบทวนนโยบายสิทธิมนุษยชนเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้นโยบายมีความสอดคล้องกับหลักกฎหมาย หลักปฏิบัติสากล และสภาพแวดล้อมของธุรกิจ
- มีการรายงานและเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างสม่ำเสมอ นอกจากบริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนของบริษัทแล้ว ในการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าหรือคู่ธุรกิจ บริษัทยังได้กำหนดเรื่องดังกล่าวไว้ในจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้าอีกด้วย
ธุรกิจด้วยโดยมีรายละเอียดของสิทธิมนุษยขนตามรายงานความยั่งยื่น ประจำปี 2567
โดยที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยมีรายงานหรือการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน

4. ทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์
บริษัทมึนโยบายและแนวปฏิบัติที่จะไม่ล่วงละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์โดยกำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อยทุกคนปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์ ดังนี้
- ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท และหลีกเลี่ยงการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลอื่น
- ปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับ และข้อผูกพันตามสัญญาทั้งหมด เกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลอื่น รวมถึงสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้า และข้อมูลกรรมสิทธิ์อื่น ๆ
- ไม่ละเมิดหรือนำสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลอื่นไปใช้ในทางที่ผิด
- ในกรณีที่งานอันมีลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาอื่นใดเกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานของพนักงาน ลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านั้นย่อมตกเป็นของบริษัท
โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีการรายงานหรือการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทสิทธิ์

5. การต่อต้านการติดสินบนและการคอร์รัปชัน
บริษัทมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ต่อต้านการติดสินบน และการคอร์รัปชัน โดยในปี 2557 บริษัทได้รับการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) และต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน บริษัทได้มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน (Anti-Corruption Policy) ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยทุกคนยึดถือเป็นแนวปฏิบัติที่ชัดเจน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กรรมการบริษัทและพนักงานทุกระดับ ต้องปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องคอร์รัปชันไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อประโยชน์ทั้งต่อบริษัท ต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อเพื่อน และต่อคนรู้จัก
- การดำเนินการใด ๆ ตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันให้ใช้แนวปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัทและระเบียบ รวมทั้งคู่มือปฏิบัติงานของบริษัทที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางปฏิบัติอื่นใดที่บริษัทจะกำหนดขึ้นในอนาคต
- พนักงานไม่พึงละเลยหรือเพิกเฉย เมื่อพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ต้องแจ้งและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ต่อผู้บังคับบัญชา หรือต่อบุคคลที่กำหนดไว้ในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท
- บริษัทจะให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองพนักงานที่แจ้งหรือให้ความร่วมมือในการรายงานเรื่องคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
- การคอร์รัปชันเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาโทษทางวินัยตามระเบียบที่บริษัทกำหนดไว้ นอกจากนี้ อาจได้รับโทษตามกฎหมายด้วย หากการกระทำนั้นผิดกฎหมาย
- บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจแก่กรรมการบริษัท พนักงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ในเรื่องที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดคู่มือปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติของผู้บริหารและพนักงานให้สอดคล้องตามนโยบายที่กำหนดไว้ โดยมีหลักการที่สำคัญดังนี้
1. การบริจาคเพื่อการกุศลและการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม
- การบริจาคเพื่อการกุศลและการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการคอร์รัปชัน และกระทำในนามบริษัทเท่านั้น โดยบริษัทมีการกำหนดวงเงินและผู้มีอำนาจอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
- ไม่รับหรือจ่ายสินบน รวมทั้งไม่ทำธุรกรรมโดยไม่ชอบธรรมในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยทางตรงหรือทางอ้อมกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ บุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่น เพื่อให้มีการตอบแทนการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน หรือหวังผลประโยชน์เกี่ยวกับงานของบริษัท
- ผู้รับการบริจาคหรือการสนับสนุน หากเป็นหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศล วัด โรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือองค์กรเพื่อประโยชน์ต่อสังคมจะต้องมีใบรับรองหรือหลักฐานที่น่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบได้
- การบริจาคเพื่อการกุศลและการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมเป็นไปตามคู่มืออำนาจการอนุมัติสั่งการ เรื่องการบริจาคเพื่อการกุศลและการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม
- บริษัทไม่มีนโยบายรับการบริจาคเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทมีนโยบายรับการสนับสนุนเพื่อกิจกรรมทางสังคม
2. การช่วยเหลือทางการเมือง
บริษัทยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข วางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่สนับสนุนหรือให้การช่วยเหลือทางการเมือง และส่งเสริมให้พนักงานใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ
3. การให้และรับของขวัญ
- ไม่รับหรือเรียกร้องผลประโยชน์ หรือเสนอค่าตอบแทน หรือจ่ายสินบนในทุกรูปแบบ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อให้มีการตอบแทนการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อตน บริษัท หรือผลประโยชน์เกี่ยวกับงานของบริษัท
- การรับของขวัญต้องกระทำอย่างเปิดเผย โปร่งใส และไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
- การให้ของขวัญต้องเป็นไปในลักษณะที่ไม่ฟุ่มเฟือยหรือผิดศีลธรรม ประเพณีอันดีงาม และกฎหมายในท้องถิ่นนั้น
- การให้ของขวัญเป็นไปตามคู่มืออำนาจการอนุมัติสั่งการ เรื่อง การให้ของขวัญ
4. การเลี้ยงรับรองและการให้บริการต้อนรับ
- การเลี้ยงรับรอง และการให้บริการต้อนรับต้องเป็นความจำเป็นตามธรรมเนียมประเพณีทางธุรกิจทั่วไป และเพื่อเป็นประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัท ในลักษณะที่ไม่เกินกว่าเหตุสัมพันธ์ปกติจากบุคคลอื่นที่มีหน้าที่หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัท และมีความสมเหตุสมผล โดยบริษัทมีการกำหนดวงเงินและผู้มีอำนาจอนุมัติสำหรับการเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ และกำหนดการรายงานสำหรับเรื่องดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน
- ไม่จ่ายค่ารับรอง อันรวมถึงค่าที่พัก ค่าโดยสารสำหรับการเยี่ยมชมสถานที่ประกอบการ การศึกษาดูงาน ค่าอาหาร และเครื่องดื่ม หรือค่าใช้จ่ายอื่น เพื่อจูงใจเจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่นให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของบริษัท
- ไม่รับหรือเรียกร้องผลประโยชน์ หรือรับเชิญไปงานเลี้ยงประเภทสังสรรค์ หรืองานเลี้ยงรับรอง รวมถึงการรับเชิญไปดูงานที่บุคคลภายนอกเสนอตัวเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ หรือรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากบุคคลภายนอก เพื่อให้มีผลต่อการตัดสินใจดำเนินธุรกิจร่วมกัน หรือตอบแทนการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ หรือมุ่งหวังผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
5. การจ่ายค่าอำนวยความสะดวก
บริษัทไม่มีนโยบายการจ่ายค่าอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าในกรณีใด ๆ ก็ตาม
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินงานที่อาจเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและการดำเนินการเพื่อป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน ดังนี้
-
กระบวนการบริหารความเสี่ยงของกลุ่มบริษัท
- กลุ่มบริษัททำการประเมินความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันในทุกกระบวนการปฏิบัติงาน เริ่มจากการระบุปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการคอร์รัปชัน วิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสเกิด และพิจารณาระดับความรุนแรง
- จัดทำแผนควบคุมความเสี่ยง พร้อมรายงานความคืบหน้าผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการรายงานต้องได้รับการอนุมัติจากผู้อำนวยการฝ่ายหรือกรรมการผู้จัดการบริษัทย่อย
- ข้อมูลการรายงานความคืบหน้าดังกล่าวใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการตรวจสอบการดำเนินการที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชัน และมีการรายงานความคืบหน้าแผนควบคุมความเสี่ยงต่อคณะทำงานกำกับดูแลความเสี่ยง คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกไตรมาส และมีการสอบทานโดยคณะกรรมการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
-
การกำหนดแนวปฏิบัติเพื่อควบคุม ป้องกัน และติดตามความเสี่ยงจากการคอร์รัปชัน
2.1 การกำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยง
- คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงมีหน้าที่กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี จรรยาบรรณธุรกิจ และนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน
- พนักงานที่พบเห็นความเสี่ยงหรือข้อมูลที่อาจกระทบต่อบริษัท หรือขัดต่อหลักการดังกล่าว ต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาทันทีเพื่อดำเนินการจัดการความเสี่ยง
ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบายเกิดประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้กำหนดหน้าที่ดังกล่าวไว้ในกฎบัตรของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
2.2 การกำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance)
บริษัทได้กำหนดกรอบการดำเนินธุรกิจ โดยยอมรับความเสี่ยงในระดับปานกลางเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการลงทุนขยายธุรกิจหลักและถือหุ้นในกลุ่มบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งธุรกิจทั้งหมดนี้ยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ต่อต้านคอร์รัปชัน มีการชำระภาษีที่ถูกต้อง รวมทั้งให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย ร่วมกับความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอก รวมถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยยังได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันในกระบวนการต่าง ๆ โดยคณะทำงานบรรษัทภิบาลกลุ่มบริษัทได้นำข้อมูลจากการประเมินความเสี่ยงด้านคอร์รัปชันของบริษัทไปจัดทำมาตรการป้องกันการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เหมาะสมอีกด้วย
-
บริษัทได้สื่อสารจรรยาบรรณธุรกิจและนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันทั้งภายในและภายนอกบริษัท เช่น คู่ค้า ผู้ค้า/ผู้ขาย ของบริษัท โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบการจัดการเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ติดประกาศบริษัทและเว็บไซต์ของบริษัท
- ด้านการสื่อสารภายใน บริษัทได้มีการสื่อสารเนื้อหาในเรื่องดังกล่าวให้แก่พนักงานและผู้บริหารผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) เป็นประจำ
- ด้านการสื่อสารภายนอก บริษัทดำเนินการสื่อสารนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันแก่บริษัทย่อยและบริษัทร่วม โดยการเผยแพร่ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) รวมถึงการสื่อสารแผ่นพับอิเล็กทรอนิกส์ให้กับคู่ธุรกิจ เพื่อเผยแพร่แนวปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านคอร์รัปชันของบริษัท และเชิญชวนคู่ธุรกิจเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์และขอรับรองการเป็นสมาชิกโครงการ CAC
ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าว บริษัทได้จัดให้มีการอบรมคู่ธุรกิจและเชิญชวนเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการ CAC อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทได้จัดอบรมคู่ธุรกิจเป็นปีที่ 9 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ผ่านระบบ Online ภายใต้หัวข้อ "PARTNERSHIP GROWING TOGETHER" โดยได้เชิญคู่ธุรกิจที่สำคัญทั้งหมด รวมทั้งคู่ธุรกิจใหม่มาเข้าร่วมการอบรม โดยภายในงานมีการบรรยายเกี่ยวกับจรรยาบรรณสำหรับคู่ธุรกิจ Green Procurement & Sustainable อีกทั้ง บริษัทยังเชิญชวนและให้คำปรึกษาแก่คู่ธุรกิจที่ประสงค์จะเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์และขอรับรองการเป็นสมาชิกโครงการ CAC อีกด้วย
-
บริษัทได้กำหนดให้กรรมการทุกคนลงนามรายงานการรับทราบนโยบายบริหารกิจการที่ดี นโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน จรรยาบรรณธุรกิจ การใช้ข้อมูลภายใน และรับรองการไม่กระทำการอันเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัท และได้กำหนดให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนลงนามรายงานการรับทราบนโยบายบริหารกิจการที่ดี นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันจรรยาบรรณธุรกิจ จรรยาบรรณสำหรับคู่ธุรกิจ คู่มือปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านคอร์รัปชัน การใช้ข้อมูลภายใน และรับรองการไม่กระทำการอันเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทเป็นประจำทุกปี โดยกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานลงนามรับทราบและปฏิบัติตามนโยบายฯ ครบถ้วน ร้อยละ 100
-
บริษัทได้จัดให้มีหัวข้อแนวปฏิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชันเป็นหลักสูตรหนึ่งในการปฐมนิเทศกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานใหมตลอดจนได้ให้มีการฝึกธบรมแก่พนักงานเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี นโยบายและแนวปฏิบัติ ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเป็นประจำทุกปี
-
บริษัทมีกระบวนการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายการต่อต้านคอร์รัปชันที่เป็นรูปธรรม โดยจัดให้มีระบบการประเมินผลตนเองสำหรับผู้บริหารและพนักงานทุกคน โดยระบบออนไลน์ เป็นประจำทุกปี ซึ่งในปี 2567 มีผู้บริหารและพนักงานทำแบบทดสอบคิดเป็นร้อยละ 100 ของพนักงานทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่ปัจจุบัน และมีผลการทดสอบผ่านเกณฑ์ทุกคน โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 92.54 และมีการติดตามและประเมินผลโดยคณะทำงานบรรษัทภิบาลกลุ่มบริษัทรวมทั้งสรุปผลการประเมินตนเองเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท
-
บริษัทจัดให้มีช่องทางในการแจ้งเบาะแส หากมีการพบเห็นการกระทำทุจริตคอร์รัปชัน และมีมาตรการคุ้มครองให้กับผู้แจ้งเบาะแสด้วย
-
บริษัทได้ผ่านการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ในปี 2557 และผ่านการรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบได้สอบทานความถูกต้องของเอกสารอ้างอิงและแบบประเมินตนเองเพื่อพัฒนาระบบต่อต้านคอร์รัปชันของบริษัทตามกระบวนการรับรองการเป็นสมาชิก CAC รวมทั้งยังได้สอบทานการปฏิบัติตามจรรยาบรรณธุรกิจและมาตรการต่อต้านการคอร์รัปชันของบริษัท และรายงานผลไว้ในรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบเป็นประจำทุกปี

6. ช่องทางในการติดต่อ
บริษัทได้จัดให้มีช่องทางสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มสามารถส่งข้อเสนอแนะ ความคิดเห็น หรือข้อร้องเรียน ทั้งกรณีที่ถูกละเมิดสิทธิและกรณีอื่น ๆ มายังบริษัทหลายช่องทาง ดังนี้
6.1 เลขานุการบริษัท E-Mail: wirun@bafs.co.th โทรศัพท์ 0 2834 8911
6.2 แผนกลงทุนสัมพันธ์ E-Mail: pitsapong@bafs.co.th โทรศัพท์ 0 2834 8914
6.3 ไปรษณีย์ ถึง เลขานุการบริษัท บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 171/2 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นประเด็นสำคัญ หรือเป็นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท เลขานุการบริษัท จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัทต่อไป

7. มาตรการการแจ้งเบาะแสและคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส
บริษัทจัดให้มีช่องทางในการแจ้งเบาะแสและรับเรื่องข้อร้องเรียนของทั้งจากบุคคลภายนอกและพนักงาน กระบวนการดำเนินการเมื่อได้รับข้อร้องเรียน อีกทั้งยังได้กำหนดมาตรการคุ้มครองและรักษาความลับของผู้ร้องเรียน ดังนี้
- การแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน
บริษัทจัดให้มีช่องทางในการแจ้งเบาะแส หรือข้อร้องเรียน ในกรณีที่สงสัยว่าจะมีการกระทำผิดจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท การกระทำผิดกฎหมาย รวมถึงพฤติกรรมที่ส่อถึงการทุจริต การปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกัน และการกระทำที่เข้าข่าย การละเมิดสิทธิมนุษยชน ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
(1)ผู้บังคับบัญชาที่ตนเองไว้วางใจในทุกระดับ
(2)คณะทำงานบรรษัทภิบาลกลุ่มบริษัท
(3)ทางจดหมา ประธานกรรมการบริหารหรือประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 171/2 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210
(4) ทาง E-Mail โดยส่งมาที่ ec@bafs.co.th หรือ ac@bafs.co.th
(5) เว็บไซต์บริษัท www.bafsthai.com
- กระบวนการดำเนินการเมื่อได้รับเบาะแสหรือข้อร้องเรียน
กระบวนการดำเนินการเมื่อได้รับเบาะแสหรือข้อร้องเรียน เมื่อบริษัทได้รับเบาะแสหรือข้อร้องเรียนมาแล้ว บริษัทโดยคณะทำงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูล กำหนดแนวทางการแก้ไข การป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ รวมถึงกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพื่อบรรเทาความเสียหายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบและประมวลผล เพื่อรายงานผลให้ผู้รับแจ้งเบาะแส/หรือข้อร้องเรียนและผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนทราบ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประธานกรรมการ คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัทตามลำดับ แล้วแต่กรณี
- Whistleblower Protection Measures
มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส และป้องกันเพื่อมิให้บริษัทเกิดกรณีการแจ้งเบาะแส เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้แจ้งเบาะแส/หรือร้องเรียนหรือผู้ที่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย
- บริษัทจะไม่เปิดเผยชื่อ สกุล ที่อยู่ ภาพ หรือข้อมูลอื่นใดของผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน และจะเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นความลับ
- ผู้แจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายด้วยกระบวนการที่มีความเหมาะสมและเป็นธรรม
- บริษัทจะให้ความคุ้มครองแก่พนักงานที่แจ้งเบาะแส หรือให้ความร่วมมือ หรือปฏิเสธการคอร์รัปชัน โดยจะไม่ลงโทษและกล่าวโทษแต่อย่างใด รวมทั้งจะไม่ลดตำแหน่ง หรือเงินเดือน แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้บริษัทสูญเสียโอกาสทางธุรกิจก็ตาม
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดมาตรการป้องกันเพื่อมิให้บริษัทเกิดกรณีการแจ้งเบาะแส เช่น การจัดอบรมนิเทศกรรมการและพนักงานใหม่ การให้ความรู้ในกิจกรรม CG DAY กลุ่มบริษัท การเผยแพร่นโยบายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องผ่าน Websiteของบริษัท เป็นต้น
- บทลงโทษ
พนักงานที่บริษัทตรวจสอบแล้วพบว่าได้กระทำผิดจรรยาบรรณธุรกิจ นโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน จะได้รับการพิจารณาโทษทางวินัยตามคู่มือนโยบายและระเบียบข้อบังคับของบริษัท สำหรับพนักงาน ว่าด้วยเรื่องวินัยและโทษทางวินัย โดยจะพิจารณาลงโทษ พนักงานที่กระทำความผิดตั้งแต่การตักเตือนด้วยวาจา จนถึงการพักงานหรือการเลิกจ้างโดยไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับขั้นการลงโทษ ซึ่งได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายตามคู่มืออำนาจการอนุมัติสั่งการ หรือได้รับโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย หากการกระทำนั้นผิดกฎหมาย
- บริษัทไม่เคยมีประวัติการฝ่าฝืนกฎหมายด้านแรงงาน การจ้างงาน ผู้บริโภค การแข่งขันทางการค้า
- ในปี 2567 บริษัทไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนจากบุคคลภายนอกและพนักงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้านจรรยาบรรณธุรกิจหรือการทุจริตคอร์รัปชัน
อนึ่ง หากพนักงานต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการ ต่อต้าน การคอร์รัปชัน สามารถสอบถามได้ที่ผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น หรือคณะทำงานบรรษัท ภิบาล กลุ่มบริษัท หรือผู้จัดการแผนกกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ โดยบริษัทมีนโยบายจะไม่เปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด
- การรายงานผล
บริษัทจะแจ้งผลไปยังผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียนภายใน 30 วัน หลังจากดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้น กรณีที่บริษัทได้รับการแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน บริษัทจะเปิดเผยผลการติดตามการแจ้งเบาะแสและกระบวนการจัดการข้อร้องเรียนต่อไป

1. การเปิดเผยข้อมูลของบริษัท
บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report) และผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท www.bafsthai.com ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เช่น วิสัยทัศน์ พันธกิจ นโยบายที่สำคัญต่าง ๆ ของบริษัท โครงสร้างกลุ่มธุรกิจ ลักษณะการประกอบธุรกิจและภาวะการแข่งขัน ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ โครงสร้างการถือหุ้น โครงสร้างองค์กร คณะกรรมการและคณะผู้บริหาร ประเภทของกรรมการมการ ประวัติและการถือหุ้นของกรรมการและผู้บริหาร ทั้งทางตรงและทางอ้อม ประวัติการอบรมของกรรมการ นโยบายการจ่ายค่าตอบแทนแก่กรรมการและผู้บริหาร รูปแบบค่าตอบแทน และจำนวนจำนวนค่าตอบแทนจากการเป็นกรรมการบริษัทและบริษัทย่อย การทำหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยในรอบปีที่ผ่านมา เช่น จำนวนครั้งการประชุม จำนวนครั้งที่กรรมการแต่ละท่านเข้าร่วมประชุม ข้อมูลด้านนักลงทุนสัมพันธ์ หนังสือนัดประชุมและรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ข่าวสารองค์กร (Press Release) เป็นต้น โดยบริษัทได้ปรับปรุงข้อมูลในเว็บไซต์ให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

2. การจัดทำรายงานทางการเงิน
เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการจัดทำรายงานทางการเงินว่ามีความถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส อย่างเพียงพอที่จะดำรงรักษาไว้ซึ่งทรัพย์สินของบริษัท ป้องกันการทุจริตและการดำเนินการที่ผิดปกติ รวมทั้งได้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป และใช้นโยบายบัญชีที่เหมาะสมและถือปฏิบัติโดยสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการพิจารณาถึงความสมเหตุสมผลและความรอบคอบในการจัดทำงบการเงินของบริษัท และเพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความเชื่อมั่นต่อรายงานทางการเงินที่บริษัทจัดทำขึ้นว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ข้างต้น คณะกรรมการบริษัทจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อทำหน้าที่สอบทานให้บริษัทมีรายงานทางการเงินและการดำเนินงานอย่างถูกต้อง เพียงพอ รวมทั้งคณะกรรมการบริษัทยังได้จัดทำรายงานความรับผิดชอบ ของคณะกรรมการในการจัดทำรายงานทางการเงิน ซึ่งครอบคลุมเรื่องสำคัญตามข้อพึงปฏิบัติสำหรับกรรมการมการบริษัทจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เสนอแนะไว้ ลงนามโดยประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยแสดงควบคู่กับรายงาน ของผู้สอบบัญชีในแบบ 56-1 One Report ในปี 2567
บริษัทได้ให้ผู้สอบบัญชีจากบริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ซึ่งมีความรู้ ความชำนาญในวิชาชีพ มีความเป็นอิสระ และได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยงบการเงินของบริษัทได้รับการรับรองโดยไม่มีเงื่อนไข และถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ ตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจสอบ/คณะกรรมการบริษัทก่อนเปิดเผยต่อผู้ถือหุ้น
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทไม่มีกรณีส่งรายงานทางการเงินทั้งรายไตรมาสและรายปีล่าช้า
บริษัทมีการจัดทำบทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร (MD&A) ซึ่งได้มีการจัดทำเป็นรายไตรมาส เพื่อ ชี้แจง ในเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน ปัจจัยที่มีผลต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ นอกจากนี้ มีการจัดทำและเผยแพร่ข่าวสารสำคัญต่าง ๆ ให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านทาง BAFS Newsletter บริษัท ใช้ตัวชี้วัด ผลการดำเนินงาน (Key Performance Indicators: KPIs) โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายในแผนกลยุทธ์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตามแนวคิด Balanced Scorecard แยกตามแต่ละมุมมอง ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านกระบวนการจัดการภายใน และด้านการเรียนรู้และพัฒนา เช่น อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ ส่วนแบ่งทางการตลาด ระดับความพึงพอใจของลูกค้า ความสำเร็จของแผนการพัฒนาบุคลากร เป็นต้น
3. ช่องทางในการเปิดเผยข้อมูล
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทั้งข้อมูลทางการเงินและข้อมูลที่ไม่ใช่ทางการเงิน อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา โปร่งใส ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ระบบการเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต..
- เว็บไซต์ของบริษัท www.bafsthai.com, ซึ่งมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- รายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาส โดยการให้ข้อมูลต่อนักวิเคราะห์และนักลงทุนในการจัดกิจกรรมแถลงผลประกอบการ (Opportunity Day) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ
- การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
- การจัดทำจดหมายข่าวที่นำเสนอถึงฐานะการเงินของบริษัท
- การให้ข้อมูลต่อนักวิเคราะห์และนักลงทุนที่มาเยี่ยมชมและหารือกับผู้บริหารของบริษัท
- Analyst Meeting
แผนกลงทุนสัมพันธ์มีแผนงานเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2567 ได้จัดให้มีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่
กิจกรรม | จำนวนครั้ง |
---|---|
การเข้าร่วมกิจกรรมตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพบนักลงทุน (Ooporduniy Day) | 4 |
การจัดให้มีการพบปะกับนักวิเคราะห์/นักลงทุน | 22 |
การจัดทำจดหมายข่าว (Press Release) | 2 |
บริษัทไม่เคยมีประวัติการถูกสั่งให้แก้ไขงบการเงินโดยสำนักงาน ก.ล.ต. รวมทั้งได้เปิดเผยงบการเงินประจำปีและรายไตรมาสต่อผู้ถือหุ้นและนักลงทุนภายในกำหนดเวลา

คณะกรรมการบริษัทมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลกิจการเพื่อประโยชน์สงสุดของบริษัท และมีความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ถือหุ้น โดยเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร
1. โครงสร้างคณะกรรมการ
คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาความเหมาะสมของโครงสร้างคณะกรรมการ ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการอย่างน้อย 11 ท่าน แต่ไม่เกิน 15 ท่าน โดยปัจจุบันคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วย กรรมการจำนวน 15 ท่าน ดังนี้
- กรรมการที่เป็นผู้บริหาร: 2 คน ร้อยละ 13.33
- กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร: 13 คน ร้อยละ 86.67
- กรรมการอิสระ: 6 คน ร้อยละ 40
- กรรมการที่เป็นผู้หญิง: 3 คน ร้อยละ 20
โดยแบ่งเป็นกรรมการจากภายนอก 5 ท่าน ทั้งนี้ กรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 8 ท่าน มีประสบการณ์ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรมหลักที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่
- สัดส่วนของกรรมการที่เป็นผู้บริหารต่อกรรมการทั้งหมด 2:15
- สัดส่วนของกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารต่อกรรมการทั้งหมด 13:15
- สัดส่วนของกรรมการอิสระต่อกรรมการทั้งหมด 6:15
- สัดส่วนของกรรมการหญิงต่อกรรมการชาย 3:12
คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดโครงสร้างของคณะกรรมการ ให้ประกอบด้วยกรรมการที่มีคุณสมบัติหลากหลาย โดยเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ มีคุณธรรมและจริยธรรม ได้รับความเชื่อถือเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป มีความหลากหลายของทักษะ ประกอบด้วยทักษะด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ในธุรกิจน้ำมัน การบิน ท่าอากาศยาน วิศวกรรม บัญชี การเงิน บริหารธุรกิจ/การจัดการ ธุรกิจระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย เทคโนโลยี/ดิจิทัล หรือด้านอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
รวมทั้งมีการกำหนดคุณสมบัติของกรรมการอิสระ ซึ่งเข้มงวดกว่าข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. ในเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น ดังรายละเอียดในหัวข้อ 4. การสรรหาและแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารสูงสุด
บริษัทจัดให้มีนโยบายในการไปดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทย่อยของกรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานบริษัท รวมทั้งมีระบบการติดตามดูแลการดำเนินงานและการกำหนดทิศทางในการปฏิบัติงานของบริษัทย่อย ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถติดตามควบคุมดูแลการดำเนินงานของบริษัทย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้จัดให้มีคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อช่วยศึกษาในรายละเอียดและกลั่นกรองงาน อันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคณะกรรมการบริษัท และเพื่อความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีรายละเอียดตามข้อ 7.3 "ข้อมูลเกี่ยวกับคณะกรรมการชุดย่อย"
2. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
กรรมการบริษัทต้องรายงานให้บริษัททราบโดยไม่ชักช้า เมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้
- การมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมของตนหรือของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการของบริษัทหรือบริษัทย่อย
- ถือหุ้นหรือหุ้นกู้ในบริษัทหรือบริษัทในเครือ โดยระบุจำนวนทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง
จรรยาบรรณธุรกิจของบริษัทมีการกำหนดเกี่ยวกับจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ จรรยาบรรณต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ จรรยาบรรณกรรมการบริษัท จรรยาบรรณพนักงานในด้านต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การรักษาความลับ การจัดหา การใช้ข้อมูลภายใน การต่อต้านการติดสินบนและการคอร์รัปชัน ทรัพย์สินทางปัญญา และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามและวินัย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้กำหนดจรรยาบรรณสำหรับคู่ธุรกิจ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจร่วมกันกับคู่ธุรกิจของบริษัท ได้แก่ ผู้จัดหาน้ำมันอากาศยาน หรือสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการให้บริการของบริษัท หรือผู้จัดหาสินค้าและบริการให้กับบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทได้ส่งเสริมให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานมีการปฏิบัติตาม รวมทั้งกำหนดระบบการติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การจัดให้มีระบบการประเมินผลตนเองด้วยระบบออนไลน์ เป็นประจำทุกปี สำหรับผู้บริหารและพนักงานทุกคน โดยมีการวิเคราะห์และสรุปผลการประเมินตนเองเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท
บริษัทได้มีการเปิดเผยรายการระหว่างกันกับบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งในปี 2567 รวมทั้งคณะกรรมการบริษัทได้ให้ความเห็นว่ารายการระหว่างกันทุกรายการเป็นรายการที่สมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมทั้งได้กระทำอย่างยุติธรรม ตามราคาตลาด และเป็นไปตามปกติธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. ดังรายละเอียดในหัวข้อ "รายการระหว่างกัน"
โดยในปี 2567 บริษัทไม่รายการให้กู้ยืมเงินหรือค้ำประกันเงินกู้แก่บริษัทที่ไม่ใช่บริษัทย่อย

3. อำนาจอนุมัติของคณะกรรมการบริษัท
คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจกำหนดนโยบายและอนุมัติเรื่องต่าง ๆ ของบริษัทตามขอบเขตหน้าที่ที่กำหนดโดยกฎหมาย ข้อบังคับของบริษัท และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งรวมถึง
3.1 การกำหนดและทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ในการดำเนินงาน
3.2 งบประมาณและแผนการดำเนินงานธุรกิจประจำปี
3.3 การแต่งตั้งกรรมการที่ออกระหว่างปี
3.4 การแต่งตั้งกรรมการเป็นกรรมการผู้แทนในบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม
3.5 การเข้าร่วมทุนในโครงการต่าง ๆ การทำสัญญาต่าง ๆ ที่สำคัญของบริษัท
3.6 การเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน รายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ เป็นต้น

4. การสรรหาและแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด
ในการสรรหากรรมการบริษัทแทนกรรมการที่ว่างลง คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาลจะพิจารณาทบทวนโครงสร้างกรรมการให้มีความเหมาะสมกับธุรกิจของบริษัท และดำเนินการกำหนดคุณสมบัติของกรรมการที่ต้องการสรรหาจาก Matrix ของบริษัท โดยคำนึงถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมาย คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาลอาจใช้วิธีในการสรรหาแบบใดแบบหนึ่งหรือหลายวิธี ได้แก่ การเสาะหา (Searching) จากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมกับบริษัท โดยอาจใช้บริษัทที่ปรึกษา (Professional Search Firm) หรือการเสนอชื่อจากกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งรวมถึงการใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลกรรมการ (Director Pool) ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นส่วนประกอบในการสรรหาด้วย
นอกจากนี้ ในทุกปี บริษัทได้เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้เสนอรายชื่อกรรมการล่วงหน้า คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาลจะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกรายชื่อและเสนอรายชื่อให้แก่คณะกรรมการบริษัท และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อดำเนินการแต่งตั้งต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับการสรรหากรรมการบริษัทแทนกรรมการที่ออกตามวาระ ซึ่งต้องเสนอผ่านที่ประชุมผู้ถือหุ้นเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการ จะใช้เสียงข้างมากตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
- ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับหนึ่งหุ้นต่อเสียงหนึ่ง
- ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะต้องใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดตาม 1 เสียงเลือกตั้งบุคคลคนเดียว หรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ แต่จะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดไม่ได้
- บุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมา เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมีหรือจะพึงเลือกตั้งในครั้งนั้น ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่พึงมีหรือจะพึงเลือกตั้งในครั้งนั้น ให้ผู้เป็นประธานที่ประชุมเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด
ดังนั้น ผู้ถือหุ้นจึงไม่สามารถแบ่งคะแนนเสียงของตนในการเลือกตั้งกรรมการเพื่อให้ผู้ใดมากน้อยตามมาตรา 70 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน (Cumulative Voting)
อนึ่ง บริษัทได้มีการกำหนดคุณสมบัติของกรรมการบริษัท รวมทั้งได้มีการกำหนดคุณสมบัติของกรรมการอิสระ ซึ่งเข้มงวดกว่าข้อกำหนดของสำนักงาน ก.ล.ต. ในเรื่องการถือหุ้น เพื่อให้กรรมการอิสระของบริษัทมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง โดยได้กำหนดนิยาม "กรรมการอิสระ" ว่าจะต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ทั้งนี้ ให้นับรวมการถือหุ้นของผู้ที่เกี่ยวข้องของกรรมการอิสระรายนั้น ๆ ด้วย
- ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาที่ได้เงินเดือนประจำ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือของผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ทั้งนี้ ลักษณะต้องห้ามดังกล่าวไม่รวมถึงกรณีที่กรรมการอิสระเคยเป็นข้าราชการ หรือที่ปรึกษาของส่วนราชการซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท
- ไม่เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือโดยการจดทะเบียนตามกฎหมายในลักษณะที่เป็นบิดา มารดา คู่สมรส พี่น้อง และบุตร รวมทั้งคู่สมรสของบุตร ของผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม หรือบุคคลที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทหรือบริษัทย่อย
- ไม่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท ในลักษณะที่อาจเป็นการขัดขวางการใช้วิจารณญาณอย่างอิสระของตน รวมทั้งไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ถือหุ้นที่มีนัย หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
- ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท และไม่เป็นผู้ถือหุ้นที่มีนัย ผู้มีอำนาจควบคุม หรือหุ้นส่วนของสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งมีผู้สอบบัญชีของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทสังกัดอยู่ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าว มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
- ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ให้บริการทางวิชาชีพใด ๆ ซึ่งรวมถึงการให้บริการเป็นที่ปรึกษากฎหมายหรือที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งได้รับค่าบริการเกินกว่า 2 ล้านบาทต่อปีจากบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท และไม่เป็นผู้ถือหุ้นที่มีนัย ผู้มีอำนาจควบคุม หรือหุ้นส่วนของผู้ให้บริการทางวิชาชีพนั้นด้วย เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
- ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของกรรมการของบริษัท ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- ไม่ประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันที่มีนัยกับกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อย หรือไม่เป็นส่วนที่มีนัยในห้างหุ้นส่วน หรือเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษา ที่รับเงินเดือนประจำ หรือถือหุ้นเกินร้อยละ 1 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทอื่น ซึ่งประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันที่มีนัยกับกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อย
- ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ให้ตัดสินใจในการดำเนินกิจการของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัท
- ไม่เป็นกรรมการของบริษัทใหญ่ บริษัทย่อย หรือบริษัทย่อยลำดับเดียวกัน เฉพาะที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
- ไม่มีลักษณะอื่นใดที่ทำให้ไม่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัท
การสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล เป็นผู้ดำเนินการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพ จากทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยพิจารณาจากประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีทักษะและมีคุณสมบัติเฉพาะในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจของบริษัท มีภาวะความเป็นผู้นำสูง มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถในเชิงบริหารที่สอดคล้องกับค่านิยมองค์กรและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัท หลังจากผ่านกระบวนการสรรหาแล้วจะได้นำเสนอให้แก่คณะกรรมการบริษัทเพื่อดำเนินการแต่งตั้งต่อไป
5. การประชุมคณะกรรมการ
สำหรับปี 2568 คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการบริษัทล่วงหน้า ดังนี้
ครั้งที่ 1/2568 | 20 กุมภาพันธ์ 2568 |
ครั้งที่ 2/2568 | 15 พฤษภาคม 2568 |
ครั้งที่ 3/2568 | 14 สิงหาคม 2568 |
ครั้งที่ 4/2568 | 13 พฤศจิกายน 2568 |
ครั้งที่ 5/2568 | 18 ธันวาคม 2568 |

6. ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
ประธานกรรมการเป็นกรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร ไม่เป็นบุคคลเดียวกับกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับฝ่ายบริหาร โดยมีบทบาท อำนาจ และหน้าที่ที่แบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยประธานกรรมการเป็นกรรมการอิสระและทำหน้าที่ต่าง ๆ ดังนี้
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่เป็นหัวหน้าและผู้นำคณะผู้บริหารของบริษัท รับผิดชอบต่อคณะกรรมการบริษัทในการบริหารจัดการเพื่อให้บรรลุตามนโยบายและแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่ได้กำหนดไว้
7. การประชุมของกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร
คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายส่งเสริมให้กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร มีโอกาสที่จะประชุมระหว่างกันเองตามความจำเป็น เพื่ออภิปรายปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดการที่อยู่ในความสนใจ โดยไม่มีฝ่ายบริหารเข้าร่วมด้วย โดยในปี 2567 บริษัทมีการประชุมของคณะกรรมการโดยไม่มีฝ่ายบริหารเข้าร่วมประชุม จำนวน 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 โดยมีประเด็นที่สำคัญในการหารือ คือ ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย และได้มีการแจ้งผลการประชุมต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
8. การประเมินตนเองของคณะกรรมการ
บริษัทได้จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยเป็นประจำทุกปี โดยการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและละละคณะกรรมการตรวจสอบ แบ่งออกเป็นการประเมินผลทั้งคณะและการประเมินผลตนเองรายบุคคล สำหรับการประเมินผลของคณะกรรมการชุดย่อย ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง คณะกรรมการกำกับดูแลดูแลความยังยืน และคณะกรรมการลงทุน เป็นการประเมินผลทั้งคณะ ทั้งนี้ แบบประเมินผลของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อยมีหลักเกณฑ์ในการประเมินเป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมทั้งได้มีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มี
บริษัทมีกระบวนการประเมินผลของคณะกรรมการโดยเลขานุการบริษัทและเลขานุการคณะกรรมการชุดย่อย เป็นผู้จัดส่งแบบประเมินให้แก่กรรมการ เพื่อประเมินผลและส่งกลับมายังบริษัท โดยบริษัทจะไม่เปิดเผยชื่อกรรมการที่ประเมินผล เพื่อให้มีความเป็นอิสระในการประเมินผล และบริษัทมีการนำเสนอผลการประเมินต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อร่วมกันพิจารณาผลการประเมินและกำหนดแนวทางปรับปรุงในการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ แบ่งออกเป็น 7 หัวข้อหลัก ได้แก่
- โครงสร้างและคุณสมบัติของคณะกรรมการ
- บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
- การประชุมคณะกรรมการ
- พลวัตในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ
- ความสัมพันธ์กับฝ่ายจัดการ
- การพัฒนากรรมการ
- ประเมินประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ (ในภาพรวม)
สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทเป็นรายบุคคล แบ่งออกเป็น 6 หัวข้อหลัก ได้แก่
- คุณสมบัติส่วนบุคคล
- ความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่
- การมีส่วนร่วมในการประชุม
- บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ
- ความสัมพันธ์กับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ
- ประเมินประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ (ในภาพรวม)
ระดับ | ความหมาย |
---|---|
0 | ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง / ไม่มีการดำเนินการในเรื่องนั้น |
1 | ไม่เห็นด้วย / มีการดำเนินการในเรื่องนั้นเล็กน้อย |
2 | เห็นด้วย / มีการดำเนินการในเรื่องนั้นพอสมควร |
3 | เห็นด้วยค่อนข้างมาก / มีการดำเนินการในเรื่องนั้นดี |
4 | เห็นด้วยอย่างมาก / มีการดำเนินการในเรื่องนั้นอย่างดีเยี่ยม |
ทั้งนี้ ในปี 2567 ผลการประเมินการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการสรรหาฯ อยู่ในเกณฑ์ "มีการดำเนินการในเรื่องนั้นดีถึงดีเยี่ยม" และคณะกรรมการชุดย่อยอื่นๆ อยู่ในระดับ "ดีมากถึงดีเยี่ยม"
นอกจากนี้ บริษัทยังได้จัดให้มีการประเมินประสิทธิภาพของการประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นรายครั้งทุกครั้งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้น โดยจะมีการแจ้งผลการประเมินให้ทราบในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งถัดไป

9. การประเมินผลงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
บริษัทจัดทำแบบประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทุกปี โดยคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนจะเป็นผู้ประเมินและนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ ทั้งนี้ สรุปผลการประเมินการปฏิบัติงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ถือเป็นข้อมูลลับเฉพาะ ไม่สามารถเปิดเผยได้
โดยการประเมินการปฏิบัติงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีหลักเกณฑ์การประเมินแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
- ผลการประกอบการของบริษัท
- แผนกลยุทธ์ของบริษัท
- พฤติกรรม การบริหารงาน และการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ผลการประเมินดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณากำหนดอัตราการปรับขึ้นเงินเดือนของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และนำเสนอต่อคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
10. ค่าตอบแทน
ค่าตอบแทนของกรรมการ : คณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนของบริษัทมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท โดยคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทนได้มีกระบวนการพิจารณาค่าตอบแทนไว้อย่างชัดเจน โปร่งใส และได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยค่าตอบแทนของคณะกรรมการบริษัทเหมาะสมกับภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ และอยู่ในระดับเดียวกับธุรกิจในอุตสาหกรรม หรือธุรกิจที่มีขนาดใกล้เคียงกัน และสูงเพียงพอที่จะดูแลและรักษากรรมการบริษัทที่มีคุณภาพตามที่ต้องการ นอกจากนี้ กรรมการบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นจะได้รับค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น.
ค่าตอบแทนของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ : คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้พิจารณาอนุมัติค่าตอบแทนของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ประกอบด้วย ค่าตอบแทนระยะสั้น คือ ค่าตอบแทนรายเดือนและโบนัส รวมถึงค่าตอบแทนระยะยาว ซึ่งคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาอนุมัติแต่ละคราวไป โดยผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน ทั้งนี้ เป็นไปตามสัญญาจ้างซึ่งได้มีการกำหนดไว้ และใช้เกณฑ์ Key Performance Indicators (KPIs) ในการประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี โดยใช้ข้อมูลการประเมินผลที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม ซึ่งประกอบด้วย
- ส่วนที่ 1 ผลประกอบการของบริษัท
- ส่วนที่ 2 แผนกลยุทธ์ของบริษัท ครอบคลุมมุมมองด้านการเงิน ด้านลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านกระบวนการจัดการภายใน และด้านการเรียนรู้และพัฒนา
- ส่วนที่ 3 พฤติกรรม การบริหารงาน การแก้ไขปัญหา และหลักเกณฑ์อื่นที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท
โดยในการประเมินผลงานดังกล่าว กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ซึ่งเป็นกรรมการที่เป็นผู้บริหารและมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ได้เข้าร่วมพิจารณา โดยประธานกรรมการเป็นผู้สื่อสารผลการพิจารณาให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทราบ
ค่าตอบแทนของผู้บริหารและพนักงาน: บริษัทได้กำหนดค่าตอบแทนของผู้บริหารและพนักงานซึ่งเป็นไปตามหลักการ และนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทกำหนด โดยเชื่อมโยงกับผลการประกอบการของบริษัทในแต่ละปี และผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารและพนักงานแต่ละท่านโดยใช้ระบบ Key Performance Indicators (KPIs)
ทั้งนี้ บริษัทมีการเปิดเผยค่าตอบแทนของคณะกรรมการบริษัทในหัวข้อ 8.1.2 การเข้าร่วมประชุมและการจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการรายบุคคล และเปิดเผยค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูงในหัวข้อ 7.4.3 จำนวนค่าตอบแทนรวมของกรรมการบริหารและผู้บริหาร
พนักงานได้รับค่าตอบแทนรวมในปี 2567 เป็นเงิน 635,665,058.63 บาท

11. การพัฒนากรรมการและผู้บริหาร
12. แผนสืบทอดตำแหน่งงาน (Succession Plan)
คณะกรรมการเล็งเห็นว่า การบริหารจัดการองค์กรให้มีการเจริญเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนนั้น เป็นเรื่องที่องค์กรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และปัจจัยของการเจริญเติบโตที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ทรัพยากรบุคคลขององค์กร (Human Resource) โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรบุคคลในระดับบริหารขององค์กร จึงได้ส่งเสริมให้มีนโยบายการเตรียมความพร้อมผู้สืบทอดตำแหน่งงาน (Successor) เพื่อรับผิดชอบในการบริหารจัดการธุรกิจขององค์กรอย่างเป็นระบบ ซึ่งการที่องค์กรมีทรัพยากรบุคคลระดับบริหารที่มีศักยภาพ จะช่วยสร้างความเจริญเติบโตแก่องค์กรได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงได้กำหนดกระบวนการสรรหาคัดเลือกด้วยหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และสอดคล้องกับจรรยาบรรณธุรกิจ เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร
แนวทางสรรหา คัดเลือก และพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งสำคัญของ BAFS Group (BAFS Group Succession Planning and Development)
บริษัทมีแนวทางการสรรหาและคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบงานในระดับบริหารและบริหารระดับสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งงานหลักไว้ล่วงหน้าได้อย่างเหมาะสมและโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทได้ผู้บริหารที่มีคุณธรรม มีศักยภาพ และมีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน เพื่อสร้างและพัฒนาองค์กรให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน บริษัทจึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งงาน ดังนี้
-
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่
ในการพิจารณาคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งงาน สำหรับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จะมีคณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล เป็นผู้ดำเนินการสรรหาและคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งมีเกณฑ์การพิจารณาจากทักษะและคุณสมบัติเฉพาะในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจ มีประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มีภาวะผู้นำสูง มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถในเชิงบริหารที่สอดคล้องกับค่านิยมองค์กรและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท
-
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ/รองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการ
บริษัทมีการเตรียมสรรหาและคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพจากบุคลากรภายในองค์กรระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และผู้ช่วยผู้อำนวยการจะเกษียณอายุงาน โดยมีแนวทางและกำหนดขั้นตอน ดังนี้
- ประเมินศักยภาพของผู้ที่มีสิทธิ์เข้าแข่งขันรับการทดสอบ โดยนำ Leadership Competency มาใช้ในการประเมินศักยภาพ
- ใช้เครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเพื่อวัดและประเมินระดับแนวโน้มศักยภาพของผู้เข้าแข่งขัน ทดสอบความรู้และทักษะด้านต่าง ๆ เช่น ทักษะภาษาอังกฤษ ความสามารถและความถนัดทางเชาวน์ปัญญา แนวคิดในเชิงบริหาร
- การแสดงวิสัยทัศน์ รวมทั้งการสัมภาษณ์ โดยผู้บริหารระดับสูงเป็นคณะกรรมการคัดเลือก
- กำหนดแผนการพัฒนาผู้ที่ได้รับการคัดเลือก เพื่อเตรียมความพร้อมทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
- ขณะที่ดำรงตำแหน่ง จะได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ KPI อย่างเป็นระบบเมื่อครบระยะเวลาทดลองงาน
บริษัทได้มีการกำหนดและพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งบริหารระดับสูง (Key Positions) ในหลักสูตรชั้นพื้นฐานในด้านภาวะความเป็นผู้นำ (Leadership Development Program) และได้มีการติดตามผลลัพธ์ เก็บข้อมูล วัดผล และวิเคราะห์ข้อมูลเป็นรายบุคคล เพื่อวางแผนพัฒนาในอนาคตต่อไป และมีการรายงานผลความคืบหน้าในการพัฒนาในทุกเดือนและทุกไตรมาสให้กับคณะผู้บริหาร
กำหนดแผนการพัฒนาผู้ที่ได้รับการคัดเลือก เพื่อเตรียมความพร้อมทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง ขณะที่ดำรงตำแหน่ง จะได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ KPI อย่างเป็นระบบเมื่อครบระยะเวลาทดลองงาน
บริษัทได้มีการกำหนดและพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งบริหารระดับสูง (Key Positions) ในหลักสูตรชั้นพื้นฐานในด้านภาวะความเป็นผู้นำ (Leadership Development Program) และได้มีการติดตามผลลัพธ์ เก็บข้อมูล วัดผล และวิเคราะห์ข้อมูลเป็นรายบุคคล เพื่อวางแผนพัฒนาในอนาคตต่อไป และมีการรายงานผลความคืบหน้าในการพัฒนาในทุกเดือนและทุกไตรมาสให้กับคณะผู้บริหาร
โดยในปี 2567 บุคลากรผู้สืบทอดตำแหน่งบริหารระดับสูง (Key Positions) ได้รับการพัฒนาในหลักสูตรต่าง ๆ ครบทุกหลักสูตร คิดเป็นร้อยละ 97 ของจำนวนบุคลากรผู้สืบทอดตำแหน่งบริหารระดับสูง (Key Positions) ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และการแข่งขันทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงได้เล็งเห็นความสำคัญในการรักษาและพัฒนาบุคลากรในบางตำแหน่งซึ่งเป็นที่ต้องการทางตลาดแรงงานสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นตำแหน่งที่หาบุคลากรยากในตลาดแรงงาน เนื่องด้วยเป็นตำแหน่งที่มีความเฉพาะเจาะจงทั้งในด้านความรู้ ทักษะ ความสามารถและประสบการณ์ และต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาเพื่อสร้างบุคลากรในตำแหน่งนั้น ๆ จึงได้มีการทบทวนและกำหนดตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งขึ้น (Critical Positions) นอกเหนือจากตำแหน่งบริหารระดับสูง (Key Positions)
บริษัทยังได้มีการกำหนดเกณฑ์และสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมในการเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (Critical Positions) ในกลุ่มบริษัท โดยได้ดำเนินการสรรหาตัวแทนในตำแหน่งดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วมากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (Critical Positions) ทั้งหมด และร่วมวางแผนการพัฒนาและรักษากลุ่มบุคลากรดังกล่าวกับกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นตัวแทนของตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง (Critical Positions) ขององค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำระดับสูง ความสามารถในการบริหารงานที่หลากหลาย ผ่านวิธีการเรียนรู้ข้ามสายงาน (Cross-functional) หรือการสร้างและบริหารเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องที่สำคัญในงาน (Stakeholders Management) เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรกลุ่มผู้มีศักยภาพสูงของกลุ่มบริษัทในพนักงานทุกระดับ โดยในปี 2567 ได้เน้นพัฒนาในระดับหัวหน้างานขึ้นไปจนถึงระดับผู้จัดการ โดยพนักงานกลุ่มดังกล่าวได้รับการพัฒนาในโครงการ Uplifting Leader และ Young Talent ซึ่งได้รับการพัฒนาในหัวข้อต่าง ๆ ซึ่งเน้นในการเพิ่มศักยภาพในเชิงบริหาร โดยได้เน้นด้านการบริหารจัดการและนำเสนอโครงการ