ในปี 2564 ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แม้ว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการกระจายวัคซีน แต่การเดินทางทางอากาศยานและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกและของไทยยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเดินทาง ทำให้ปริมาณน้ำมันอากาศยานที่กลุ่มบริษัทบริการเชื้อเพลิง การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้บริการลดลงจากปีก่อนหน้ากว่า 30% และมีรายได้รวม 1,664.1 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้า 11.6% ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทได้รับผลกระทบมากที่สุดในรอบ 38 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2526 แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่กลุ่มบริษัทยังคงยึดถือการให้บริการด้วยคุณภาพตามมาตรฐานสากลและความปลอดภัยสูงสุด ควบคู่ไปกับนโยบายรักษาสภาพคล่อง มาตรการลดค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเป็นระบบ และการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งทางอากาศและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

ภายใต้อุตสาหกรรมการบินที่ชะลอตัว กลุ่มบริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ได้ขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือ (บางปะอิน-พิจิตร-ลำปาง) แล้วเสร็จ รวมระยะทาง 576 กิโลเมตร

ซึ่งส่งผลให้ FPT มีระบบท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และอาเซียน

Bafs

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่

ปี 2564 เป็นก้าวแรกของกลุ่มบริษัทในการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานหมุนเวียน

โดยบริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ได้ลงทุนเข้าซื้อ

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทย

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่น

กําลังการผลิตไฟฟ้ารวม 49.4 เมกะวัตต์ ซึ่งนับเป็นก้าวแรกสู่การขยายการลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มบริษัท

กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจโดยคํานึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้เริ่มให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานด้วยรถเติมน้ำมันอากาศยานขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Hydrant Dispenser) จากบริษัท บาฟส์ อินเทค จํากัด (BI) ซึ่งปัจจุบัน ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ITURRI ผู้นําการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานระดับโลกจากประเทศสเปน เพื่อเป็นตัวแทนผลิตและจำหน่ายรถ EV Hydrant Dispenser รองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและอาเซียน

อีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัท คือ การร่วมก่อตั้งบริษัท โกลเบิลแอโร่ แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) เพื่อให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ภายใต้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นท่าอากาศยานนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3

กลุ่มบริษัทยังคงยึดมั่นในการดำเนินการเพื่อส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างสมดุลทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องและตอบสนองต่อ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) โดยยังคงดำเนินโครงการเพื่อมุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวก และการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่กลุ่มบริษัท เช่น โครงการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ (Farm Hug by BAFS Group) โครงการพัฒนาพื้นที่ Buffer Zone และโครงการปลูกป่า จึงทำให้บริษัทได้รับการประกาศเป็นหุ้นยั่งยืน (THSI) ติดต่อกันเป็นปีที่ 7

รวมทั้งได้รับ ผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย (CSR) ประจำปี 2564 ในระดับดีเลิศ ติดต่อกันเป็นปีที่ 13

ปี 2564 ถือเป็นปีแรกที่ผมได้เข้ามาบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของบริษัท ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการบริษัท ในการดำรงตำแหน่งนี้ และผมตระหนักดีว่า เรายังคงต้องเผชิญกับโลกที่ผันผวนและ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาทางเทคโนโลยี อย่างก้าวกระโดด ตลอดจนพฤติกรรมทางสังคมและโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ปีที่ผ่านมาจึงเป็นปีแรกของการพัฒนาแผนกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัท โดยได้กําหนด ทิศทางการดำเนินธุรกิจของทั้งกลุ่มบริษัท ภายใต้ปณิธาน (Purpose) เดียวกัน คือ “เติมพลังก้าวหน้า นําพาโลกยั่งยืน” (Uplift and Power the World to a New Height) อันนํามาสู่วิสัยทัศน์ “เติมเต็มโลกด้วยธุรกิจที่ยั่งยืน (Uplifting the World through Sustainable Business)” เพื่อมุ่งเน้นการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

จากปณิธานและวิสัยทัศน์ดังกล่าว กลุ่มบริษัทได้กําหนด 3 กลยุทธ์หลักเพื่อเป็นเป้าหมาย ในการดำเนินงาน คือ (1) กลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth Strategy) โดยมีเป้าหมายสัดส่วนรายได้ในปี 2569 มาจากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับอากาศยาน (Aviation) 50% จากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสาธารณูปโภคและพลังงาน (Utility and Power) 40% และอีก 10% จากกลุ่มบริการธุรกิจ (Business Solutions and Services) เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้หลักจากธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยาน ตลอดจน มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zerotarget) ภายในปี 2593 (2) กลยุทธ์เปลี่ยนแปลงองค์กร (Organization Transformation Strategy) เพื่อให้กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และมีความสามารถในการ แข่งขัน และ (3) กลยุทธ์บริหารทรัพยากรมนุษย์ (People Strategy) เพื่อมุ่งเน้น การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงาน ผมขอขอบคุณการสนับสนุน และความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ผมเชื่อมั่นว่าการดําเนินงานอย่างมุ่งมั่นของพนักงานท่ามกลางวิกฤติการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแผนกลยุทธ์ของ กลุ่มบริษัทภายใต้หลักการบริหารจัดการที่ดี และการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จะทําให้กลุ่มบริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืนเพื่อเติมเต็มสังคม ประเทศ และโลกให้มีเพดานบินที่สูงขึ้นตามปณิธานของกลุ่มบริษัทต่อไป