สารจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่
ปี 2564 เป็นก้าวแรกของกลุ่มบริษัทในการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
โดยบริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (BC) ได้ลงทุนเข้าซื้อ
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทย
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่น
กําลังการผลิตไฟฟ้ารวม 49.4 เมกะวัตต์ ซึ่งนับเป็นก้าวแรกสู่การขยายการลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มบริษัท
กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจโดยคํานึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้เริ่มให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานด้วยรถเติมน้ำมันอากาศยานขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Hydrant Dispenser) จากบริษัท บาฟส์ อินเทค จํากัด (BI) ซึ่งปัจจุบัน ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ITURRI ผู้นําการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานระดับโลกจากประเทศสเปน เพื่อเป็นตัวแทนผลิตและจำหน่ายรถ EV Hydrant Dispenser รองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและอาเซียน
อีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มบริษัท คือ การร่วมก่อตั้งบริษัท โกลเบิลแอโร่ แอสโซซิเอทส์ จํากัด (GAA) เพื่อให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ภายใต้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเป็นท่าอากาศยานนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3
กลุ่มบริษัทยังคงยึดมั่นในการดำเนินการเพื่อส่งมอบคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างสมดุลทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สอดคล้องและตอบสนองต่อ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) โดยยังคงดำเนินโครงการเพื่อมุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวก และการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่กลุ่มบริษัท เช่น โครงการปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ (Farm Hug by BAFS Group) โครงการพัฒนาพื้นที่ Buffer Zone และโครงการปลูกป่า จึงทำให้บริษัทได้รับการประกาศเป็นหุ้นยั่งยืน (THSI) ติดต่อกันเป็นปีที่ 7
รวมทั้งได้รับ ผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย (CSR) ประจำปี 2564 ในระดับดีเลิศ ติดต่อกันเป็นปีที่ 13
ปี 2564 ถือเป็นปีแรกที่ผมได้เข้ามาบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ของบริษัท ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการบริษัท ในการดำรงตำแหน่งนี้ และผมตระหนักดีว่า เรายังคงต้องเผชิญกับโลกที่ผันผวนและ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาทางเทคโนโลยี อย่างก้าวกระโดด ตลอดจนพฤติกรรมทางสังคมและโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ปีที่ผ่านมาจึงเป็นปีแรกของการพัฒนาแผนกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัท โดยได้กําหนด ทิศทางการดำเนินธุรกิจของทั้งกลุ่มบริษัท ภายใต้ปณิธาน (Purpose) เดียวกัน คือ “เติมพลังก้าวหน้า นําพาโลกยั่งยืน” (Uplift and Power the World to a New Height) อันนํามาสู่วิสัยทัศน์ “เติมเต็มโลกด้วยธุรกิจที่ยั่งยืน (Uplifting the World through Sustainable Business)” เพื่อมุ่งเน้นการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
จากปณิธานและวิสัยทัศน์ดังกล่าว กลุ่มบริษัทได้กําหนด 3 กลยุทธ์หลักเพื่อเป็นเป้าหมาย ในการดำเนินงาน คือ (1) กลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth Strategy) โดยมีเป้าหมายสัดส่วนรายได้ในปี 2569 มาจากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับอากาศยาน (Aviation) 50% จากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสาธารณูปโภคและพลังงาน (Utility and Power) 40% และอีก 10% จากกลุ่มบริการธุรกิจ (Business Solutions and Services) เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้หลักจากธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยาน ตลอดจน มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zerotarget) ภายในปี 2593 (2) กลยุทธ์เปลี่ยนแปลงองค์กร (Organization Transformation Strategy) เพื่อให้กลุ่มบริษัทมีโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และมีความสามารถในการ แข่งขัน และ (3) กลยุทธ์บริหารทรัพยากรมนุษย์ (People Strategy) เพื่อมุ่งเน้น การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงาน ผมขอขอบคุณการสนับสนุน และความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ผมเชื่อมั่นว่าการดําเนินงานอย่างมุ่งมั่นของพนักงานท่ามกลางวิกฤติการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแผนกลยุทธ์ของ กลุ่มบริษัทภายใต้หลักการบริหารจัดการที่ดี และการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จะทําให้กลุ่มบริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืนเพื่อเติมเต็มสังคม ประเทศ และโลกให้มีเพดานบินที่สูงขึ้นตามปณิธานของกลุ่มบริษัทต่อไป