ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 3/49
ที่ กผ. 198/2549
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2549
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2549
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
1.1 รายได้
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
บริษัทมีรายได้ค่าบริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 ทั้งสิ้น 293.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.50 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 0.17 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 แม้ว่าจะมีการปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 2.58 เซนต์ต่อแกลลอน
เป็น 2.74 เซนต์ต่อแกลลอน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2549 หรือปรับเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6 ทั้งนี้ เนื่องจากการ
ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยของปริมาณการเติมน้ำมัน โดยบริษัทฯมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการ 1,034.72 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น
13.30 ล้านลิตร หรือร้อยละ 1.30 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 โดยแบ่งเป็นปริมาณ
น้ำมันที่ดอนเมืองจำนวน 1,001.24 ล้านลิตร และที่สุวรรณภูมิจำนวน 33.48 ล้านลิตรสำหรับการให้บริการ 3 วัน
ตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2549 โดยบริษัทฯ
ได้ส่วนแบ่งการตลาดสำหรับการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานในสัดส่วนประมาณร้อยละ 91
ในขณะที่ ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่งผลกระทบทางลบต่อรายได้ของบริษัทฯ
เนื่องจากรายได้ค่าบริการของบริษัทฯกำหนดเป็นอัตราที่อ้างอิงกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินบาทเฉลี่ย แข็งค่าขึ้น
จาก 41.32 บาทต่อดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2548 เป็นประมาณ 37.61 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549
คิดเป็นอัตราการแข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 8.98
1.1.2 รายได้ค่าเช่า
บริษัทฯมีรายได้ค่าเช่าในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 ทั้งสิ้น 8.27 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าเช่าที่ดิน อาคาร
สำนักงานและระบบรับน้ำมันทางท่อ แก่บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) จำนวน 7.55 ล้านบาท และรายได้
จากการให้เช่าที่ดินและระบบสาธารณูปโภคแก่บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) จำนวน 0.72 ล้าน
บาท โดยรายได้ค่าเช่าลดลงจากปีที่ผ่านมา 2.47 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.03 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการลด
ลงของค่าเช่าระบบรับน้ำมันทางท่อจาก FPT จำนวน 2.80 ล้านบาท
1.1.3 รายได้อื่น
สำหรับรายได้อื่นของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 มียอดทั้งสิ้น 14.79 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการ
สำคัญๆ ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยรับจาก FPT จำนวน 1.13 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับจากเงินลงทุนระยะสั้นจำนวนประมาณ
1.66 ล้านบาท เงินต้นที่ได้รับชำระจาก FPT ตามตารางการจ่ายชำระหนี้ในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ครั้งที่ 3 และ
เงินต้นที่ได้รับชำระก่อนกำหนดจำนวน 2.21 ล้านบาท ซึ่งเงินต้นที่บริษัทฯให้กู้ยืมแก่ FPT จำนวนนี้ บริษัทฯได้บันทึกค่า
เผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วทั้งจำนวนในปี 2545 ดังนั้นเงินต้นที่ได้รับชำระคืนทั้งหมดจะบันทึกเป็นรายได้อื่น และ
ค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก TARCO จำนวน 2.66 ล้านบาทและค่าธรรมเนียมค้ำประกันจาก JP-One จำนวน 0.09
ล้านบาท นอกจากนี้เป็นรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการบันทึกหนี้สินระยะยาวในส่วนที่เป็นเงินกู้สกุลดอลลาร์
ของ TARCO จำนวน 5.30 ล้านบาท
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
ไตรมาสที่ 3 ปี 2549 บริษัทฯมีต้นทุนการให้บริการทั้งสิ้น 95.61 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้
ค่าเช่าท่อส่งน้ำมันใต้ลานจอดของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ("ทอท.") จำนวน 18.71 ล้านบาท ค่า
เช่าที่ดิน 4.59 ล้านบาท ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ จำนวน 5.55 ล้านบาท ค่าสาธารณูปโภคจำนวน 3.90 ล้านบาท ค่า
เบี้ยประกันภัย ประเภท All Risks Insurance จำนวน 2.77 ล้านบาท และ Third Party Legal
Liability Insurance จำนวน 4.08 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคา จำนวน 9.73 ล้านบาท เงินเดือนพนักงานจำนวน
21.13 ล้านบาท ค่าล่วงเวลาจำนวน 4.70 ล้านบาทและเงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงาน จำนวน 5.15
ล้านบาท
ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 13.14 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.93 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2548 โดยมีการเพิ่มขึ้น
ของค่าใช้จ่ายสำคัญได้แก่ ค่าซ่อมบำรุง 1.04 ล้านบาท ค่าสาธารณูปโภคจำนวน 1.65 ล้านบาท ค่าสัมปทาน 1.76
ล้านบาท เงินเดือนพนักงานจำนวน 2.45 ล้านบาท ค่าล่วงเวลาจำนวน 2.39 ล้านบาท และผลประโยชน์เมื่อออกจาก
งานของพนักงาน 6.39 ล้านบาท
นอกจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นข้างต้นแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายบางรายการที่ลดลง ได้แก่ ค่าเสื่อมราคาลดลง 5.36 ล้าน
บาท
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 จำนวน 52.07 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ
ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 15.37 ล้านบาท เงินผลประโยชน์เมื่อออกจากงานของพนักงานจำนวน 7.21 ล้าน
บาท ค่าเสื่อมราคา 3.56 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จำนวน 2.70 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 13.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.87 จากปีช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำคัญๆ ได้แก่ เงินเดือนพนักงานจำนวน 2.07 ล้านบาท เงินผลประโยชน์เมื่อออก
จากงานจำนวน 8.25 ล้านบาท
1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย
บริษัทฯมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2549 จำนวน 9.54 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะ
ยาว 800 ล้านบาท จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 9.38 ล้านบาทและดอกเบี้ยจ่ายจากสัญญาเช่า
ทางการเงินจำนวน 0.16 ล้านบาท
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2549 คิดเป็นจำนวน 108.61 ล้านบาท ลดลง 30.10 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 21.70 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2548 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 138.71 ล้านบาท เป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้
กล่าวมาแล้วข้างต้น และมีกำไรต่อหุ้นๆละ 0.25 บาท
จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯสำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 บริษัทฯมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น
336.69 ล้านบาท ลดลง 9.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.76 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้นๆละ
0.79 บาท
2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 6,990.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
166.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.43 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2549 โดยสินทรัพย์ที่สำคัญ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี
2549 ประกอบด้วยรายการสำคัญๆดังนี้
2.1.1 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงจาก 223.46 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี
2549 เป็น 209.94 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 หรือลดลง 13.52 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการได้มาและ
ใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้
- บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 97.37 ล้านบาท เนื่องมาจากรายการ
สำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2549 จำนวน 108.61 ล้านบาท ปรับด้วยรายการสำคัญๆที่ทำให้กระแส
เงินสดเพิ่มขึ้นได้แก่ ค่าเสื่อมราคา 14.29 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 7.08 ล้านบาท และ
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นลดลง 4.82 ล้านบาท
สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 2.21 ล้านบาท กำไร
จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดจริง 6.08 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 9.63 ล้านบาท เจ้าหนี้การค้าลดลง 4.70
ล้านบาทและหนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลง 15.27 ล้านบาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 159.53 ล้านบาท โดยเป็นเงินลงทุนของบริษัทฯในโครงการ
คลังน้ำมันและโครงการเติมน้ำมันอากาศยาน รวมถึงการซื้อและปรับปรุงรถเติมน้ำมันอากาศยานและอื่นๆประมาณ 80
ล้านบาท นอกจากนี้เป็นเงินลงทุนในโครงการระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยานใต้ลานจอดของ TARCO จำนวน 59.62 ล้าน
บาท และเงินลงทุนในโครงการท่อขนส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ? สุวรรณภูมิของ JP-One จำนวน 18.77 ล้านบาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 48.64 ล้านบาท โดยบริษัทฯและบริษัทในเครือมีเงินกู้ยืม
ระยะยาวเพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมของบริษัทฯเพื่อใช้ในการลงทุนโครงการคลังน้ำมันและโครงการให้
บริการเติมน้ำมันอากาศยาน จำนวน 30 ล้านบาท ในขณะที่ TARCO มีเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้น 49.46 ล้านบาท
เป็นการเบิกเงินกู้ในส่วนของเงินบาท 55 ล้านบาท ในขณะที่มีรายการกำไรที่ยังไม่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 5.30
ล้านบาท จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ส่งผลให้เงินกู้ยืมระยะยาวทางบัญชีของ TARCO เพิ่มขึ้นน้อยกว่ายอดเบิกกู้
และ JP-One มีการเบิกเงินกู้อีก 50 ล้านบาท นอกจากนี้เป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งแรกของปี
2549 เป็นจำนวน 85 ล้านบาท
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2549 มีจำนวน 5,749.16 ล้านบาท
ประกอบด้วยที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของบริษัทฯ จำนวน 3,331.75 ล้านบาท และเป็นอุปกรณ์และ
ทรัพย์สินของ TARCO จำนวน 1,724.43 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 693.03 ล้านบาท
2.1.3 ค่าความนิยม ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่าราคาทุนเมื่อเดือนสิงหาคม 2546
ทำให้บริษัทฯต้องบันทึกรายการดังกล่าวเป็นค่าความนิยม จำนวน 768.01 ล้านบาท
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมจำนวน 4,092.37 ล้านบาท ลดลง 225.17
ล้านบาท หรือร้อยละ 5.22 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2549 คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.62 ต่อ 1
เท่า โดยแบ่งเป็นรายการสำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 35.79 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกันจำนวน 25.32 ล้าน
บาท ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ค่าผ่านท่อ (airport concession fee) ที่บริษัทฯเรียกเก็บจากลูกค้าผู้ใช้บริการเติมน้ำมัน
อากาศยาน เพื่อส่งมอบให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และเจ้าหนี้การค้าอื่นๆจำนวน 10.47 ล้านบาท
2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารทึ่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 177.78 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืม
จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งจำนวน โดยครบกำหนดชำระในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 88.89
ล้านบาท และเดือนสิงหาคม 2550 จำนวน 88.89 ล้านบาท
2.2.3 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 153.73 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย
จำนวน 29.28 ล้านบาท และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 90.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการเจ้าหนี้ค่าก่อสร้างของบริษัทฯและ
บริษัทในเครือเป็นส่วนใหญ่ โดยหนี้สินหมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา 6.78 ล้านบาท
2.2.4 เงินประกันผลงานจำนวน 364.17 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินประกันผลงานของบริษัทฯจำนวน 195.11 ล้านบาท
TARCO จำนวน 119.83 ล้านบาท และ JP-One จำนวน 49.28 ล้านบาท
2.2.5 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 3,578.32 ล้านบาท ประกอบด้วย
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 622.22 ล้านบาท อายุสัญญา 7 ปี นับ
จากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.65 ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี โดยบริษัทฯมีกำหนดชำระคืน
เงินต้นงวดแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2550
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,750 ล้านบาท จากวงเงินกู้รวม 2,000
ล้านบาท ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี นับจากปี 2547 อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.25% ระยะเวลา
ปลอดการชำระเงินต้น 3 ปี
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO เพื่อใช้ในการลงทุนสร้าง Hydrant จำนวน 1,086.10 ล้านบาท ซึ่งเป็น
เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) วงเงิน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยLibor + 1.75%
และ 700 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน + 1.75% อายุสัญญา 10 ปี นับจากปี 2545 ระยะเวลา
ปลอดการชำระเงินต้น 5 ปี ซึ่งเบิกกู้ครบทั้งจำนวนแล้ว นอกจากนี้ TARCO ได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมจาก BBL อีก
300 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR ? 2.5% โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้เมื่อวัน
ที่ 2 พฤษภาคม 2549 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ MLR ? 1.5% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้น 4 ปี อายุสัญญา
ประมาณ 8 ปี ทั้งนี้ เงินกู้ส่วนเพิ่มนี้ จะนำไปลงทุนในการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำมันส่วนต่อขยายตามที่ AOT เพิ่มเติม
จากแผนงานเดิม ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2549 TARCO ได้เบิกเงินกู้ส่วนเพิ่มนี้แล้วเป็นจำนวน 85 ล้านบาท
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการท่อส่งน้ำมันเส้นทางมักกะสัน ? สุวรรณภูมิ
จำนวน 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่อัตราดอกเบี้ย MLR ? 2.5%
โดยส่วนลดจะลดลง 0.25% ทุกๆ 6 เดือนนับจากวันทำสัญญาเงินกู้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2548 จนถึงอัตราดอกเบี้ยสูง
สุดที่ MLR ? 1% ระยะเวลาปลอดการชำระเงินต้นถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2550 อายุสัญญาประมาณ 7 ปี โดยอัตรา
ดอกเบี้ย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2549 อยู่ที่ MLR ? 2.25%
เมื่อบริษัทฯกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินครบจำนวนแล้ว จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ดี บริษัทฯมีนโยบายที่จะดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าวไม่ให้เกิน 2 ต่อ 1 เท่า เพื่อรักษาความมั่นคงของ
ฐานะการเงินของบริษัทฯ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงอย่างรวดเร็วหลังการเปิดให้บริการที่ท่าอากาศยาน
สุวรรณภูมิ
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,529.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาสที่ 2
ปี 2549 จำนวน 22.08 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีกำไรจากผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2549 จำนวน
108.61 ล้านบาท ในขณะที่จ่ายเงินปันผลออกไปเป็นจำนวน 85 ล้านบาท
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทฯมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท
และ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และรวมถึงดอกเบี้ยตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นใดที่ผู้ให้สินเชื่อใช้ไปในการฟ้องร้องบังคับชำระหนี้
ซึ่งภาระหนี้สินจะเกิดขึ้นเมื่อ TARCO ผิดนัดไม่ชำระหนี้ที่ค้ำประกันและถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถูกบังคับคดีนำ
ทรัพย์สินออกขายทอดตลาดแล้วเหลือหนี้สินอีกเท่าไร คือภาระที่บริษัทฯต้องรับผิดชดใช้ให้แก่ผู้ให้สินเชื่อ
TARCO มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 จำนวน 4.66 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่าบริการตั้งแต่วันที่ 28
กันยายน 2549 จำนวน 4.80 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 5.30 ล้านบาท ต้นทุนค่าบริการ 0.57
ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 2.65 ล้านบาทและภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 11.54 ล้านบาท ทำให้
TARCO มีผลขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2549 เป็นจำนวน 29.45 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2549
TARCO มีภาระหนี้สินสกุลเงินบาทจำนวน 785 ล้านบาทและหนี้สินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจำนวน 8 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบัน TARCO มีทุนจดทะเบียนและทุนเรียกชำระแล้ว 530 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ตามสัดส่วนการถือหุ้น
ในอัตราร้อยละ 50 ของยอดหนี้ค้างชำระ สำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาว 120 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2549
JP-One มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 2.15 ล้านบาท มีดอกเบี้ยรับ 0.03 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหาร
จำนวน 2.19 ล้านบาท ทำให้ JP-One มีขาดทุนสะสมสิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2549 จำนวน 12.28 ล้านบาท โดย
ปัจจุบัน JP-One มีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ
แผนกลงทุนสัมพันธ์
โทร 02-565-3811-8 ต่อ 373