ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร ไตรมาส 1/52
ที่ กผ.079/2552
13 พฤษภาคม 2552
เรื่อง บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2552
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บทรายงานและการวิเคราะห์ของฝ่ายบริหาร สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2552
1. รายงานและวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2552 สำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 108.0 ล้าน
บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิรวม 140.8 ล้านบาทสำหรับงวดเดียวกันของปี 2551 ซึ่งลดลง 32.8 ล้านบาท หรือคิด
เป็นร้อยละ 23.3 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรม
ท่องเที่ยวและผลกระทบต่อเนื่องจากปัญหาการเมืองภายในประเทศเป็นสำคัญ โดยผลการดำเนินงานของบริษัทมี
รายละเอียดดังต่อไปนี้
1.1 รายได้
รายได้รวมสำหรับงบการเงินรวมของกลุ่มบริษัทไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 510.5 ล้าน
บาท ลดลง 79.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.5 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2551 โดย
1.1.1 รายได้ค่าบริการ
รายได้ค่าบริการสำหรับงบการเงินรวมลดลงจากปีก่อนจำนวน 70.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ
12.3 มาอยู่ที่ 503.0 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2552 มีปริมาณลดลงมาอยู่ที่ 1,035.9
ล้านลิตร โดยมีอัตราการปรับลดลงถึงร้อยละ 14.9 เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2551
และสำหรับประเด็นของการย้ายเที่ยวบินที่ให้บริการในประเทศของ บมจ.การบินไทย จากท่า
อากาศยานดอนเมืองมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในภาพรวมของการให้บริการในทุกท่าอากาศยานของบริษัทนั้น
ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก สืบเนื่องจาก บมจ.การบินไทย ยังคงเป็นลูกค้าของบริษัทที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ
เมื่อพิจารณารายได้จากการเติมน้ำมันอากาศยาน (Into-plane Service) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในไตรมาสนี้ปรับ
ลดลงจากปีก่อนเพียงร้อยละ 7 ซึ่งน้อยกว่าการปรับลดลงของปริมาณน้ำมัน
สำหรับรายได้ค่าบริการรวม (ก่อนหักรายการระหว่างกันนั้น) ประกอบด้วยรายได้ค่าบริการของ
บริษัทจำนวน 342.8 ล้านบาท และรายได้ค่าบริการของบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยเชื้อเพลิงการบิน จำกัด (TARCO)
จำนวน 138.1 ล้านบาท และบริษัท เจพี-วัน แอสเซ็ท จำกัด (JP-One) จำนวน 22.2 ล้านบาท ตามลำดับ
1.1.2 รายได้อื่น
1.1.2.1 ค่าเช่ารับ
ค่าเช่ารับสำหรับงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 4.7 ล้านบาท ลดลง 0.3 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
1.1.2.2 เงินปันผลรับจากบริษัทย่อย
เงินปันผลรับจากบริษัทย่อยสำหรับงบการเงินเฉพาะของบริษัทในไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวน
ทั้งสิ้น 75.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.8 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นเงินปันผลรับจาก
TARCO จำนวน 74.5 ล้านบาทและจาก JP-One จำนวน 1.2 ล้านบาท
ในไตรมาสที่ 1/2552 นี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญของ TARCO ซึ่งประชุมในเดือนมีนาคมมีมติ
อนุมัติจ่ายเงินปันผล ส่งผลให้บริษัทต้องทำการบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยดังกล่าว และรับรู้เงินปันผลเร็วกว่า
ปีที่ผ่านมาที่บริษัทรับรู้ในเดือนเมษายน ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้เงินปันผลรับจากบริษัทย่อยสำหรับงบการเงินเฉพาะ
ของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปี 52 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสำคัญ และส่งผลกระทบต่อ
การเพิ่มขึ้นอย่างมากของกำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2551
1.1.2.3 รายได้อื่นๆ
รายได้อื่นๆ สำหรับงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 2.8 ล้านบาท ลดลง
จากปีที่ผ่านมาจำนวน 9.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 76.2 โดยมีสาเหตุสำคัญจากผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง
เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2551 จำนวน 5.9 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการทำสัญญาสวอปอัตราแลกเปลี่ยนและ
อัตราดอกเบี้ย (Cross Currency Swap) สำหรับเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของ TARCO เนื่องจากค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจาก 32.26 บาท ต่อดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 35.64 บาทต่อ
ดอลลาร์
1.2 ค่าใช้จ่าย
1.2.1 ต้นทุนการให้บริการ
สำหรับงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2552 ต้นทุนการให้บริการรวมทั้งสิ้น 224.8 ล้านบาท ลดลง
12.8 ล้านบาทหรือร้อยละ 5.4 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ต้นทุนบริการลดลงเนื่องมาจาก 1) ต้นทุนค่า
สัมปทานการให้บริการเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ (Airport Concession Fee) ลดลงจำนวน 9.6
ล้านบาทตามการลดลงของปริมาณน้ำมันที่บริษัทให้บริการ 2) ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาลดลง 4.2 ล้านบาท
3) เงินเดือนและค่าใช้จ่ายพนักงานลดลงจำนวน 2.7 ล้านบาท ทั้งนี้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ่ายเพิ่มขึ้น 5.3 ล้านบาท
โดยต้นทุนบริการของ TARCO และ JP-One มี จำนวน 26.9 ล้านบาท และ 15.7 ล้านบาท ตามลำดับ
1.2.2 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
สำหรับงบการเงินรวมในไตรมาส 1 ปี 2552 มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 67.6 ล้านบาท ลดลง 1.5 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 2.2 จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจากความพยายามปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบริษัท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายใน
การบริหารของ TARCO และ JP-One จำนวน 9.3 ล้านบาท และ 3.1 ล้านบาทตามลำดับ
1.2.3 ดอกเบี้ยจ่าย
สำหรับดอกเบี้ยจ่ายในงบการเงินรวมของไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวน 31.5 ล้านบาท ลดลง 10.6
ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 25.2 จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญาเช่า
ทางการเงินของบริษัทจำนวน 22.3 ล้านบาท นอกจากนั้นเป็นดอกเบี้ยจ่ายจากเงินกู้ยืมระยะยาวและดอกเบี้ยจากสัญญา
เช่าทางการเงินของ TARCO และ JP-One จำนวน 7.9 ล้านบาทและ 1.3 ล้านบาทตามลำดับ
1.3 สรุปผลการดำเนินงาน
สำหรับงบการเงินรวม ผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวน 108.0 ล้านบาท ลดลง 32.8 ล้านบาท
หรือร้อยละ 23.3 จากไตรมาส 1 ปี 2551 ที่ผ่านมาซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 140.8 ล้านบาท และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นๆ ละ 0.21
บาท โดยเป็นผลมาจากสาเหตุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
และสำหรับกำไรสุทธิในงบการเงินเฉพาะของบริษัทสำหรับไตรมาส 1 ปี 2552 มีจำนวน 130.9 ล้านบาทโดย
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ 76.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 70.7 นั้นเนื่องมาในไตรมาสนี้มีการรับรู้เงินปันผล
รับจาก TARCO เร็วกว่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งปีที่ผ่านมานั้นบริษัทมีการบันทึกเงินปันผลรับของบริษัทย่อยดังกล่าวใน
ไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 แต่อย่างไรก็ตามประเด็นการรับรู้เงินปันผลข้างต้นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่องบการเงินรวมของ
บริษัทแต่อย่างใด
2. รายงานและวิเคราะห์ฐานะการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 7,047.2 ล้านบาท ลดลง 13.5 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2551 ซึ่งประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ดังนี้
2.1.1 กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 619.5 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด
การได้มาและใช้ไปของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่สำคัญดังนี้
- กลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 245.8 ล้านบาท เนื่องมาจากรายการ
สำคัญๆ ดังนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2552 จำนวน 114.5 ล้านบาท ปรับด้วยรายการที่ทำให้กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นได้แก่
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 92.3 ล้านบาท สำรองเผื่อผลประโยชน์พนักงานจำนวน 22.4 ล้านบาท ค่า
สัมปทานของบริษัทย่อยตัดจำหน่าย 6.9 ล้านบาท ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจำนวน 0.5 ล้าน
บาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 26.3 ล้านบาท
สำหรับรายการที่ทำให้กระแสเงินสดลดลงได้แก่ รายการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน
2.5 ล้านบาท ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 37.4 ล้านบาท และสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาท
- กระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุนมีจำนวน 2.7 ล้านบาท โดยเป็นเงินสดจ่ายซื้อสิ่งปรับปรุง
สินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์จำนวน 7.4 ล้านบาท เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ระยะยาวแก่กิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลงจำนวน
2.5 ล้านบาท และดอกเบี้ยรับจำนวน 2.4 ล้านบาท
- กระแสเงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินมีจำนวน 197.4 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินจ่ายคืน
เงินกู้ยืมระยาวจากธนาคารพาณิชย์จำนวน 155.4 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 39.5 ล้านบาท ตามลำดับ
2.1.2 ที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์สุทธิ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวน
5,319.3 ล้านบาท โดยเป็นที่ดิน สิ่งปรับปรุงสินทรัพย์เช่าและอุปกรณ์ของ TARCO จำนวน 1,618.5 ล้านบาท และ JP-
One จำนวน 641.8 ล้านบาทตามลำดับ
2.1.3 ค่าสัมปทานของบริษัทย่อยซึ่งเกิดจากการที่บริษัทซื้อหุ้นของ TARCO ในราคาที่สูงกว่า
ราคาทุน โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวน 703.8 ล้านบาท
2.1.4 สิทธิการใช้ที่ดินตามสัญญาเช่าซึ่งเกิดจากการที่บริษัทซื้อหุ้นของ JP-One ในราคาที่สูง
กว่าราคาทุน โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวน 0.04 ล้านบาท
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินรวมจำนวน 3,950.1 ล้านบาท ลดลง 119.7 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 2.9 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2551 และคิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.28 ต่อ 1 เท่า โดยแบ่งเป็นรายการ
สำคัญๆได้ดังนี้
2.2.1 เจ้าหนี้การค้าจำนวน 57.5 ล้านบาท ประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าบริษัทที่เกี่ยวข้องกันจำนวน
49.6 ล้านบาท และเจ้าหนี้การค้าบริษัทอื่นจำนวน 7.8 ล้านบาท
2.2.2 ส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีจำนวน 535.0 ล้านบาท
โดยเป็นส่วนของบริษัทจำนวน 316.6 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 194.4 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 24.0
ล้านบาท นอกจากนี้ส่วนของหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีมีจำนวน 11.7 ล้านบาท ซึ่ง
เป็นส่วนของบริษัทจำนวน 8.6 ล้านบาท ของ TARCO จำนวน 2.3 ล้านบาท และของ JP-One จำนวน 0.7 ล้านบาท
ตามลำดับ
2.2.3 หนี้สินหมุนเวียนอื่นจำนวน 125.9 ล้านบาท ประกอบด้วยรายการสำคัญๆ ได้แก่ ภาษีเงินได้
นิติบุคคลค้างจ่ายจำนวน 69.3 ล้านบาท และหนี้สินหมุนเวียนอื่นๆ จำนวน 43.2 ล้านบาท
2.2.4 เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารจำนวน 2,932.0 ล้านบาท ลดลง 170.4 ล้านบาท จากสิ้นปี 2551
หรือคิดเป็นร้อยละ 5.5 โดยประกอบด้วย
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 406.3 ล้านบาท ซึ่งจะครบ
กำหนดปี 2557 มีกำหนดชำระคืนเงินต้นปีละ 2 งวด โดยชำระคืนในแต่ละงวด งวดละ 50.8 ล้านบาท
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,535.0 ล้านบาท ซึ่งจะครบ
กำหนดปี 2557 มีกำหนดชำระคืนเป็นรายไตรมาส โดยชำระคืนในแต่ละงวด งวดละ 50.0 ล้านบาท
- เงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารธนชาติ จำกัด (มหาชน) จำนวน 220.0 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนด
ปี 2558 มีกำหนดชำระคืนเป็นรายไตรมาส โดยชำระคืนในแต่ละงวด งวดละ 6.3 ล้านบาท และชำระคืนเงินต้นที่เหลือ
ทั้งหมดในงวดสุดท้าย ซึ่งมีกำหนดชำระคืนเงินต้นงวดแรกในเดือนมีนาคม 2554
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ TARCO จำนวน 704.6 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร
กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแบ่งเป็น เงินกู้สกุลเหรียญสหรัฐที่ปัจจุบัน TARCO ได้ทำ Currency Swap เป็นสกุลบาท
แล้วจำนวน 149.6 ล้านบาท และเงินกู้สกุลบาทจำนวน 555.0 ล้านบาท มีกำหนดชำระคืนเป็นรายไตรมาส โดยจะครบ
กำหนดปี 2555
- เงินกู้ยืมระยะยาวของ JP-One จำนวน 66.0 ล้านบาท โดยเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคาร
กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มีกำหนดชำระคืนเป็นรายเดือน โดยจะครบกำหนดปี 2555
2.3. ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 กลุ่มบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 3,097.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551
จำนวน 106.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.5
3. ปัจจัยและอิทธิพลหลักที่อาจมีผลต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินในอนาคต
บริษัทมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ TARCO ในวงเงินสินเชื่อ 870.0 ล้าน
บาท และ 8.0 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยอดรวมหนี้สิ้น ณ ปัจจุบันของ TARCO ตามวงเงินข้างต้นมีจำนวนเท่ากับ 899.0
ล้านบาท (รวมหนี้สินส่วนที่ต้องชำระในหนึ่งปี)
TARCO มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2552 จำนวน 63.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ
46.0 โดยมีรายได้จากค่าบริการจำนวน 138.1 ล้านบาท มีต้นทุนดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 26.9
ล้านบาทและ 10.4 ล้านบาทตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากการเป็นผู้ค้ำประกันให้กับ JP-One ในอัตราร้อยละ
50 ของยอดหนี้ค้างชำระสำหรับวงเงินสินเชื่อระยะยาวของ JP-One ตั้งแต่ตอนจัดตั้ง JP-One โดยยอดค้ำประกัน
ข้างต้น ณ ปัจจุบันมีจำนวนเท่ากับ 45.0 ล้านบาท (รวมหนี้สินส่วนที่ต้องชำระในหนึ่งปี)
JP-One มีผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2552 จำนวน 2.0 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 9.2 ซึ่ง
JP-One มีรายได้ทั้งสิ้น 22.2 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวนทั้งสิ้น 15.7
ล้านบาท และ 3.3 ล้านบาท ตามลำดับ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
( หม่อมราชวงศ์ศุภดิศ ดิศกุล )
กรรมการผู้จัดการ
งานกฎหมายและหลักทรัพย์
โทรศัพท์ 0-2834-8914
โทรสาร 0-2834-8920